วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2564

ผู้ใหญ่วิโรจน์ร้องสื่อ ลูกชายถูกตำรวจอุ้มไปซ้อม ผ่านมาเกือบปี คดีไม่คืบหน้า... เตรียมนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียน ผบ.ตร. และศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

ผู้ใหญ่วิโรจน์ร้องสื่อ ลูกชายถูกตำรวจอุ้มไปซ้อม  

ผ่านมาเกือบปี คดีไม่คืบหน้า...

เตรียมนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียน ผบ.ตร.

และศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล

พ่อของผู้ได้รับบาดเจ็บร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หลังลูกชายถูกกลุ่มตำรวจกว่า 5 คน เข้ามาในบ้านโดยไม่มีหมายค้น แล้วอุ้มลูกชายตนไปทำร้าย โดยการเตะและตบบ้องหู รวมทั้งใช้ถุงพลาสติกคุมหัวแล้วยกขึ้นทำซ้ำๆ หลายครั้ง จนขาดอากาศหายใจ ลูกชายตนต้องร้องขอชีวิต ก่อนปล่อยตัวยังข่มขู่ห้ามบอกใคร ห้ามไปบอกสื่อ ผ่านมาเกือบปีแต่คดีไม่คืบหน้า...หวั่นได้รับอันตราย

นายวิวัฒน์ แก้วงาม อยู่บ้านเลขที่ 81/39 ม.11 ต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าว่าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. ช่วงเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้าน ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในบ้าน บอกว่าเป็นตำรวจ โดยไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด หนึ่งในนั้นได้เดินมาเคาะและขย่มประตูบ้านพร้อมกับพูดเสียงดังในลักษณะตะคอกว่า "มึงเปิดประตู มึงเปิดประตู มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้"ด้วยความกลัวและก็ตกใจ ผู้เสียหายจึงได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้าน หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้เข้ามาในบ้านทันที บังคับให้ผู้เสียหายให้นั่งอยู่นิ่งๆ และยึดโทรศัพท์พร้อมพูดว่า "ห้ามโทรหาใคร" ส่วนคนอื่นๆ ก็ทยอยเข้ามาภายในบ้าน แล้วต่างคนต่างก็ได้แยกย้ายกันไปตรวจค้นภายในบ้าน ผู้เสียหายจึงสอบถามกลุ่มชายฉกรรจ์ว่า "เป็นใคร ต้องการอะไร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ในบ้านของผม" หนี่งในกลุ่มชายฉกรรจ์บอกว่า "มึงก็รู้ว่าพวกกูเป็นตำรวจ มึงอย่าหัวหมอ" หลังจากพูดจบคนที่พูดก็ได้เตะเข้าที่ชายโคลงด้านซ้าย 1 ครั้ง และตบที่ศรีษะอีก 1 ครั้ง ส่วนคนอื่นๆ ก็บังคับให้พี่สะใภ้ของตนเดินไปเปิดประตูห้องภายในบ้านทุกห้อง กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวต่างแยกย้ายกันตรวจรื้นค้นภายในบ้าน และนอกบ้าน ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายห้ามทำการตรวจค้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อฟัง หลังจากนั้นแม่ของผู้เสียหายได้กลับมาที่บ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้บังคับให้แม่ผู้เสียหายไปเปิดตู้เซฟภายในห้องนอน  เมื่อเปิดเซฟออกมาก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด  โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจ แต่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบชุดตำรวจ และไม่แสดงบัตรประจำตัวตัวว่าเป็นตำรวจ หลังจากตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแล้ว

    กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้นำตัวผู้เสียหายขึ้นรถยี่ห้อ TOYOTA รุ่น Fortuner สีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยให้ผู้เสียหายนั่งส่วนท้ายบริเวณสำหรับวางของภายในรถ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น Fino หมายเลขทะเบียน ขฉษ 129 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นรถของแม่ผู้เสียหาย ขับออกไปโดยพลการ

กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้นำตัวผู้เสียหายมาที่บ้านพักหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเอื้ออาทรหัวหิน ชองการเคหะแห่งชาติ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 10 กิโลเมตร  ภายในบ้านยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 4-5 คน กำลังเล่นการพนันไฮโลกันอยู่ กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้นำตัวผู้เสียหายเข้าไปในบ้านพักและบังคับให้ผู้เสียหายล่อซื้อยาเสพติด  ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายไม่ยินยอมเพราะผู้เสียหายไม่รู้จักคนขายและคนเสพยาเสพติด หนึ่งในนั้นจึงพูดว่า "มึงอย่ากวนตีน" จากนั้นหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ได้มัดมือผู้เสียหายไขว้หลังและใส่กุญแจมือ พร้อมกับเตะเข้าบริเวณลำตัวของผู้เสียหาย จนทำให้ผู้เสียหายล้มลง พร้อมกระทืบซ้ำบริเวณหลัง และได้เตะผู้เสียหายอีกหลายครั้ง หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นนายตำรวจยศ ร.ต.อ...ได้พูดว่า "มึงหายาให้กูได้ไหม" ผู้เสียหายจึงได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักผู้ขายจริงๆ ตำรวจยศ ร.ต.อ..ดังกล่าวจึงได้ถีบที่ต้นขาผู้เสียหาย หลังจากนั้นหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสวมคลุมศีรษะตลอดลงไปถึงลำคอของผู้เสียหาย แล้วรีดอากาศภายในถุงออกปิดปากปิดจมูกและรัดคอ เพื่อให้ผู้ที่หายทรมานและหายใจไม่ออก แล้วหิ้วขึ้นจนถุงพลาสติกขาด จากนั้นหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ทำซ้ำแบบเดิมแต่เพิ่มถุงพลาสติกเป็น 2 ใบซ้อนกัน เพื่อให้หนากว่าเดิมแล้วหิ้วยกขึ้น จนถุงขาดหลังจากถุงขาดแล้ว ก็ได้พูดบังคับข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำการล่อซื้อยาเสพติด ผู้เสียหายก็ปฏิเสธต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวว่าไม่รู้จักผู้ขายยาเสพติดจริงๆ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ก็ได้นำถุงพลาสติกมาทำแบบเดิมอีกหลายครั้ง จนผู้เสียหายหายใจไม่ออกจนเกือบจะตาย ผู้เสียหายได้ร้องขอชีวิตหลายครั้ง

กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเมื่อเห็นว่าผู้เสียหายไม่สามารถหายาเสพติดให้ได้จึงได้ปล่อยตัวในเวลา 21.00 น. ของวันที่เกิดเหตุ พร้อมกับพูดข่มขู่ห้ามไม่ให้ผู้เสียหายบอกใครหรือแจ้งความร้องทุกข์หรือร้องเรียนหน่วยงานใด หากมิฉะนั้นจะโดนกระทำหนักกว่าเดิมและยัดยาเสพติดเพื่อจับกุมดำเนินคดี

ภายหลังได้รับการปล่อยตัว ผู้เสียหายได้กลับมาที่บ้านกินยาแก้ปวด โดยไม่ได้ไปหาหมอทันทีเนื่องจากเป็นช่วงเวลาดึกและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนรุ่งเช้าของวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ผู้เสียหาย จึงได้เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลการตรวจแพทย์ได้สั่งยาแล้วให้กลับมาบ้านเพื่อรอดูอาการ แต่อาการของผู้เสียหายไม่ทุเลา ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม. 2563 ผู้เสียหายได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 คืน ความเห็นของแพทย์ระบุว่า “มีบาดแผลถลอกเป็นแนวยาวรอบคอและข้อมือทั้งสองข้างกว้างประมาณ 1.5 ซม.บาดแผลรอยพกช้ำที่บริเวณลำคอด้านซ้ายขนาด 2 ซม. บาดแผลพกช้ำบริเวณใบหูซ้ายขนาด 3 ซม. บาดแผลถลอกบริเวณหลังส่วนล่างด้านขวาขนาด 3 ซม. และการปวดบริเวณลำคอ


นายวิวัฒน์ แก้วงาม ผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้แจ้งความไว้ที่พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ที่เกิดเหตุเนื่องจากเกรงว่าจะไม่รับความเป็นธรรมและไม่ปลอดภัย ผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการฟ้องต่อศาลเองและมีความประสงค์จะดำเนินคดีด้วยตนเองจนถึงที่สุด

ด้านผู้ใหญ่วิโรจน์ แก้วงาม พ่อของผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจและส่งสารลูกมาก ที่ถูกตำรวจซ้อมเกือบปางตายแล้ว แถมจะยัดยาให้กับลูกตนอีก ถึงขั้นเอาถุงพลาสติกครอบหัวแล้วยกขึ้นทำให้ลูกของตนขาดอากาศหายใจทำซ้ำๆ จนลูกชายต้องร้องของชีวิต จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งทำคดี จับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวความปลอดภัยของครอบครัวและลูกชายตน

ผู้ใหญ่วิโรจน์ แก้วงาม ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่เพิ่มเติมว่า ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์วนเวียนเข้ามาหาและติดตามตลอด ขอให้ตนและครอบครัวยอมไกล่เกลี่ยไม่แจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์แก่กลุ่มตำรวจดังกล่าว พร้อมเสนอเงินเยียวยาให้ตนและครอบครัวเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท เพื่อจะได้ยุติคดีความ แต่ตนได้ปฏิเสธไป แล้วขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สวนคดีความได้ผ่านมาเกือบปีแล้วไม่มีความคืบหน้าจึงมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือ

ส่วนในด้านหลักฐานลูกชายตนจดจำใบหน้าตำรวจที่เข้ามาอุ้มได้อย่างชัดเจน  และมีกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ขณะกลุ่มตำรวจได้เข้ามาในบ้านของตนไว้ทั้งหมด

หลังจากนี้ถ้าไม่ได้ความเป็นธรรม คดีไม่มีความคืบหน้า ตนจะเดินทางมาขอเข้าพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของตน รวมทั้งจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาลให้ช่วยเหลือต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’ ติด Top 10 Brand Powerful Score

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’  ติด Top 10 Brand Powerful Score       บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND ...