วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

แพ็กเกจตรวจสุขภาพ MOTHER’S DAY 2021 ซื้อได้ที่ รพ. กรุงเทพ (ซ.ศูนย์วิจัย) และ Shopee ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564

แพ็กเกจตรวจสุขภาพ MOTHER’S DAY 2021 

ซื้อได้ที่ รพ. กรุงเทพ (ซ.ศูนย์วิจัย) และ Shopee

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564

                  โรงพยาบาลกรุงเทพ ขอชวนคุณแม่และคนที่คุณรักมีสุขภาพแข็งแรงไปด้วยกัน ต้อนรับเดือนแห่งวันแม่ ด้วย ชุดตรวจสุขภาพ MOTHER’S DAY 2021 อาทิ โปรแกรมตรวจสุขภาพหลักและชุดตรวจผู้สูงวัย (60 ปีขึ้นไป) ในราคา 3,700 – 22,800 บาท ที่มาพร้อมกับการตรวจวัดพื้นฐาน การวัดสัญญาณชีพ ตรวจสุขภาพตา ตรวจคัดกรองการได้ยิน ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การทำงานของตับและไต ฮอร์โมนไทรอยด์ สารบ่งชี้มะเร็ง การตรวจทางรังสี ตรวจหัวใจและหลอดเลือด ตรวจวัดระดับวิตามิน ฯลฯ รวมไปถึง ชุดตรวจหัวใจ ชุดตรวจสุขภาพสมอง ชุดตรวจสุขภาพสตรี รายการเสริมความงาม และรายการตรวจมะเร็ง ชุดตรวจตาและเลสิก เช่น การทำเลสิกไร้ใบมีดแผลเล็ก ReLex Smile  2 ตา หรือการทำเลสิกแบบไร้ใบมีดแก้ไขสายตาสั้น เอียง ยาวแต่กำเนิด FemtoLASIK 2 ตา ราคา 95,000 บาท รายการตรวจสุขภาพฟัน การจัดฟันแบบใส Invisalign First  ราคา 132,500 บาท (ฟรีค่าบริการและค่าสแกนฟัน มูลค่า 8,000 บาท) 

            สามารถซื้อคูปองชุดตรวจสุขภาพมากกว่า 100 รายการ ได้ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564 ทางเคาน์เตอร์จำหน่าย รพ.กรุงเทพ (ซ.ศูนย์วิจัย) เวลา 9.00 – 15.00 น. หรือ สั่งซื้อคูปอง  E – Coupon ทางออนไลน์ ผ่านแอปฯ Shopee ในแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale โดยค้นหาหน้าร้าน ออฟฟิเชียลสโตร์ BangkokHospital_official บน Shopee Mall (ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2564) สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม  หรือสั่งซื้อทางโทรศัพท์ได้ที่ โทร. 0-2310-3000 แอดไลน์ @bangkokhospital


วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สารวัตรแรมโบ้ "มืออาชีพเรื่องสุขภาพ” แนะ รัฐบาลเปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเสรี ฟรีภาษี พลิกวิกฤติลดความสูญเสียจากวัสโควิด-19

สารวัตรแรมโบ้ "มืออาชีพเรื่องสุขภาพ” แนะ

รัฐบาลเปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเสรี ฟรีภาษี

พลิกวิกฤติลดความสูญเสียจากวัสโควิด-19

ปัจจุบัน ไวรัสโควิด-19 มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมีการพัฒนาสายพันธุ์ไปหลายสายพันธุ์ เช่น สายพันธ์เดลต้า เบลต้า ทำให้มีประชาชนจากทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเสียชีวิตแล้วหลายล้านคน และดูเหมือนว่าไวรัสโควิด-19 ตัวนี้จะไม่หยุดอยู่แค่สถิติแค่นี้ แต่กำลังเพิ่มจำนวนคนที่เจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง และกระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ ตามโรงพยาบาลจำนวนมาก

ผม พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานที่ปรึกษาบริษัท แรมโบ้ เฮิร์บ จำกัด "มืออาชีพเรื่องสุขภาพ” จึงฝากถึงพ่อแม่ พี่น้อง ลูกๆ หลานๆ และประชาชนทุกท่านต้องป้องกันตัวเอง ระวังตัวให้มากที่สุด ยกการด์สูง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ถ้าไม่จำเป็นให้อยู่ในบ้านพัก เวลาเดินทางไปไหน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด เลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และทานอาหารเสริมสมุนไพรกระชายขาว (กระชายเหลืองหรือกระชายสีทอง) เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด -19


ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งของประเทศ จึงขอวอนให้รัฐบาล รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขได้โปรดเปิดการนำเข้ายาวัคซีนเสรีจากบริษัททั่วโลก ฟรีภาษี เปิดให้โรงพยาบาลเอกชน บริษัท ห้างร้าน โรงงานต่างๆ ทั่วประเทศที่มีขีดความสามารถสั่งซื้อนำเข้าวัคซีนมาจากต่างประเทศได้ เพื่อให้องค์กรต่างๆ เหล่านั้นได้นำวัคซีนไปฉีดให้กับพนักงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชนได้อย่างรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระงานของบุคคลากรทางแพทย์ ทั่วประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลของรัฐบาลด้วย และน่าจะเป็นผลดีโดยตรงที่ทำให้ประชาชนทั่วประเทศและแรงงานต่างด้าวได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ครอบคลุมทั่วประเทศตามที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการ เพื่อลดการเจ็บป่วย สูญเสียชีวิตของประชาชนในอนาคตได้จำนวนมาก ทำให้ประเทศได้กลับมาฟื้นตัวได้ในเวลาอันใกล้ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งสามารถเห็นได้จากตัวอย่างในต่างประเทศบางประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ

องค์กรใดหรือประชาชนท่านใดมีจิตเป็นกุศลจะร่วมสนับสนุนสั่งซื้อเพื่อไปมอบให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่รอความหวัง ได้รอดพ้นการเจ็บป่วยอย่างทรมานและเสียชีวิตจากหวัดไวรัสโควิด-19 เพื่อร่วมกันสร้างบุญสร้างกุศลครั้งใหญ่  สามารถติดต่อได้ที่ คุณฐิติชญา เจษฏาเดช กรรมการผู้จัดการบริษัท แรมโบ้เฮิร์บจำกัด โทร.092-496-1924 และ 081-498-3999

**ความสุขของชีวิตคือการมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์มีชีวิตและอายุที่ยืนยาว ดังสุภาษิตที่ว่า ""โรคยาปรมาลาภา" ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ**

**รับประทานสมุนไพรกระชายขาวเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19**

**ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบริษัท แรมโบ้เฮิร์บ จำกัด มี อย. มั่นใจได้ว่า ปลอดภัย 100 %”แน่นอน** 

ป่อเต็กตึ๊งเร่งช่วยเหลือประชาชนสู้วิกฤตโควิด-19 มอบวิกผมสังเคราะห์(สำเร็จรูป) เพื่อป่วยมะเร็ง.. และเร่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ชาว หินกอง สู้ภัยโควิด-19

ป่อเต็กตึ๊งเร่งช่วยเหลือประชาชนสู้วิกฤตโควิด-19 มอบวิกผมสังเคราะห์(สำเร็จรูป)  เพื่อป่วยมะเร็ง.. และเร่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ชาว

หินกอง สู้ภัยโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นำทีมสังคมสงเคราะห์มอบวิกผมสังเคราะห์ (สำเร็จรูป) ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็ง ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สร้างความมั่นใจ ใส่ใจสุภาพสตรี” (นำร่อง) จำนวน 300 ชิ้น (สามร้อยชิ้น) แบ่งออกเป็นวิกผมของผู้หญิง   250  ชิ้น แล วิกผมของผู้ชาย   50  ชิ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 66,000 บาท (หกหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยมี นางอนันทิยา พุ่มเพ็ชร  หัวหน้ากลุ่มงานผู้ป่วยนอก นางบุปผาชาติ  ขุนอินทร์  หัวหน้ากลุ่มงานผู้ป่วยใน นางพรจันทร์  สัยละมัย หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการพยาบาล และนางอรวรรณ  เมืองสำราญ หัวหน้างานพยาบาลส่งเสริมคุณภาพชีวิต เป็นผู้รับมอบ ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564.



และในเวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ในโครงการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อน้ำใจไทย สู้ภัยโควิด-19” เพื่อบรรเทาทุกข์ ประชาชนในพื้นที่ตำบลหินกอง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น ข้าวสาร 1,000 กิโลกรัม  บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1,800 ซอง ปลากระป๋อง 500 กระป๋อง ผักกาดดอง 240 ซอง    น้ำมันพืช จำนวน 60 ขวด และน้ำปลา จำนวน 60 ขวด  คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น  41,461 บาท (สี่หมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยหกสิบเอ็ดบาทถ้วน)  โดยมี นายวชิระ ทั่งสวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลหินกอง และนายธีรไชยเดช วงศ์ด้วง รองนายกเทศมนตรีตำบลหินกอง เป็นผู้รับมอบ ณ เทศบาลตำบลหินกอง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี


.               นับตั้งแต่เกิดวิกฤตแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ปรับแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือประชาชนทั้งด้านบรรเทาสาธารณภัย สังคมสงเคราะห์ และหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน พร้อมประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกทั้งในส่วนของประชาชน ชุมชน และบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดตั้งโรงครัวที่มูลนิธิฯ ประกอบอาหารปรุงสุกเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ได้รับผลกระทบ รวมงบประมาณดำเนินการออกช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท

ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสารกิจกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ – ผู้ประสบภัยต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

.#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต#

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน#

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง 1418#

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน...#


วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สารวัตรแรมโบ้เดินหน้าช่วยผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง มอบสมุนไพร กระชายขาวให้โรงพยาบาลสนามสี่คิ้ว

สารวัตรแรมโบ้เดินหน้าช่วยผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง มอบสมุนไพร

กระชายขาวให้โรงพยาบาลสนามสี่คิ้ว 

สมุนไพรกระชายขาวแรมโบ้ เฮิร์บ ที่มีส่วนผสมของกระชายขาว (กระชายเหลืองหรือกระชายสีทอง) ขิง กระเทียม มะขามป้อม ชมิ้นชัน และฟ้าทะลายโจร สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 ได้ เพราะมีผลการวิจัยทางการแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า กระชายขาว (กระชายเหลืองหรือกระชายสีทอง)  ทานแล้วสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและต้านทานการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างดีที่สุด นอกจากนี้สมุนไพรกระชายขาวแรมโบ้ เฮิร์บยังมีสรรพคุณช่วยปรับระบบกรดไหลย้อนในลำใส้ และมั่นใจได้ว่า ทานแล้วปลอดภัย 100 %” เพราะได้รับเครื่องหมาย อย.” เอกสารที่ 30-1-13758-5-0050 อย่างถูกต้อง จากคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานที่ปรึกษาบริษัทฯ คุณฐิติณ์ชญา  เจษฏาเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรมโบ้เฮิร์บ จำกัด ได้ตระหนักถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังระบาดอย่างต่อเนื่องในขณะนี้  ทางบริษัท แรมโบ้ เฮิร์บ จำกัด จึงมีความห่วงใยใผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อวรัสโควิด-19จึงได้นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรกระชายขาวแรมโบ้ เฮิร์บ ไปมอบให้ โรงพยาบาลสนามชั่วคราว ณ.สนามกีฬาแบดมินตัน บึงสีคิ้ว เทศบาลตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราขสีมา โดยมีแพทย์หญิงอารีย์ เชื้อเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสีคิ้ว และนายเมธี กาญจนสุนทร นายอำเภอสีคิ้ว เป็นผู้รับมอบ เพื่อให้ผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อวรัสโควิด-19 ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ได้ทาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและต้านทานการติดเชื้อโควิด-19

โรงพยาบาลสนามชั่วคราว ณ.สนามกีฬาแบดมินตัน บึงสีคิ้ว แห่งนี้ เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 มีเตียงสนามสามารถรองรับคนไข้ที่ติดเชื้อโควิด-19ได้ทั้งหมด 120 เตียง ขณะนี้มีผู้มีที่ติดเขื้อโควิด-19 ข้ามารับการรักษาแล้ว 60 ท่านยังคงเหลือรองรับได้ผู้ป่วยได้อีก 60 เตียง 60 ท่าน

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานที่ปรึกษาบริษัท แรมโบ้ เฮิร์บ กล่าวว่า บริษัท แรมโบ้เฮิร์บ จำกัด ยังคงเดินหน้ามอบสมุนไพรกระชายขาวของบริษัทต่อไปเรื่อยๆ เพื่อตอบแทนและช่วยเหลือสังคม บริษัทฯ หวังว่า วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดี เราจะสู้ไปด้วยกัน จนผ่านวิกฤตนี่ไปให้ได้


และขอฝากไปถึงทุกคนว่า การรู้เท่าทันเพื่อเตรียมรับมือให้ถูกวิธีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย สิ่งที่ควรคำนึงถึงและสำคัญที่สุดในการป้องกันคือ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคชีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะติดโควิด-19ได้อีก เราจึงยังต้องยกการด์สูง ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ล้างมือมือล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด เลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และทานอาหารเสริมสมุนไพร กระชายขาว (กระชายเหลืองหรือกระชายสีทอง)


ถ้าบริษัท ห้างร้าน หรือใครที่สนใจ ต้องการนำไปแจกจ่าย หรือสั่งผลิตเพื่อจำหน่าย สามารถติดต่อได้ที่ คุณฐิติชญาเจษฏาเดช (กรรมการผู้จัดการบริษัท แรมโบ้เฮิร์บจำกัด โทร.092-496-1924 และ 081-498-3999

**รับประทานสมุนไพรกระชายขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19**

**ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบริษัท แรมโบ้เฮิร์บ จำกัด มี อย. มั่นใจได้ว่า ปลอดภัย 100 %”แน่นอน**

มังคุดโบราณออแกนิก ลานสกา ราชินิแห่งผลไม้ไทย 1 ปีมีครั้ง หอม หวาน อร่อย เก็บสดใหม่ทุกวัน

 มังคุดโบราณออแกนิก ลานสกา

ราชินิแห่งผลไม้ไทย 1 ปีมีครั้ง

หอม หวาน อร่อย เก็บสดใหม่ทุกวัน


ลานสกา” อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพอากาศเมื่อ 2 ปีมาแล้ว ได้ค่า AQI ระหว่าง 17-49 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเมื่อเปรียบเทียบเชิงตัวเลขกับพื้นที่อื่นในประเทศ ถือได้ว่า “ลานสกา” เป็นอำเภอที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย  ทำให้สภาพดินดี ภูมิอากาศดี ส่งผลให้ได้ผลไม้ที่ดี โดยเฉพาะ “มังคุดโบราณออแกนิก ลานสกา ราชินิแห่งผลไม้ไทย” ที่ขึ้นขื่อลือนาม มีรสชาติ หอม หวาน อร่อย ลูกใหญ่มาก 8-10 ลูกต่อกิโล สมการรอคอยของทุกท่าน เพราะหนึ่งปีหาทานได้ครั้งเดียว


ดีเจน้าเด่น และชุมชนท่องเที่ยวลานสกา การันตีคุณภาพคับแก้ว พร้อมขอส่งต่อของดี ของอร่อยจากชุมชนสู่มหานครใหญ่แล้ววันนี้  ส่งตรงจากสวนครับ 2-3 วันถึงหน้าบ้านท่านเลยครับ สนใจอุดหนุนชาวสวนลานสกา สั่งซื้อได้ที่ คุณแม้ว โทร 093-982-2415 Line ID: https://lin.ee/23IWaWc

ห้ามพลาดกับมังคุดโบราณออแกนิก ลานสกา ราชินิแห่งผลไม้ไทย หนึ่งปีหาทานได้ครั้งเดียว

**มังคุดคุณภาพ คัดเกรด หอม หวานอร่อย เก็บสดใหม่ทุกวัน** 

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญใหญ่ “ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564 สู้ภัยโควิด-19”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญใหญ่ “ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564 สู้ภัยโควิด-19” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พร้อมมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่ผู้ยากไร้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 50 เขต และปริมณฑล 5 จังหวัด

          มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ทำบุญชุดข้าวสารให้ผู้ล่วงลับ เพื่อสมทบทุนข้าวสารและเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวม 50 เขต และในพื้นที่ปริมณฑล 5 จังหวัด เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ยากไร้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564  ระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม – 3 กันยายน 2564

          เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ในขณะนี้ เพื่อการป้องกันและลดความเสี่ยงในการติด-แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ในปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงจัดมาตรการและปรับรูปแบบการทำบุญทิ้งกระจาด เป็นการบริจาคทรัพย์เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุดข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ โดยสามารถทำบุญได้ผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้ 

.1. ทำบุญชุดข้าวสารออนไลน์: ผ่านบัญชีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 

2. ทำบุญชุดข้าวสาร ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

ทั้งนี้มูลนิธิฯ ขอความร่วมมือในการงดรับข้าวสาร หรือสิ่งของอื่นๆ จากภายนอกเข้าทำบุญที่มูลนิธิฯ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

                 ประเพณีทิ้งกระจาด ถือได้ว่า เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการและเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

             ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ Facebook Fanpage atpohtecktung ทางโทรศัพท์ 02-225-0020 หรือสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต 

แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง 1418

ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน...

DITP เปิดรับสมัครผู้ประกอบการไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ร่วมงาน “The Marché by STYLE Bangkok”

DITP เปิดรับสมัครผู้ประกอบการไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ร่วมงาน “The Marché by STYLE Bangkok” เพิ่มช่องทางเจรจาซื้อขายออนไลน์กับบายเออร์ทั่วโลกในช่วงโควิด

 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ เตรียมจัดงานแสดงสินค้า The Marché by STYLE Bangkok (เดอะ มาเช่ บาย สไตล์ แบงค็อก) ในรูปแบบ Virtual Trade Fair และกิจกรรมเจรจาการค้าออนไลน์ (Online Business Matching) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นไทย ได้มีเวทีเจรจาการค้า และซื้อขายกับผู้ซื้อ-ผู้นำเข้าจากทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

โดยผู้ประกอบการสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น สามารถสมัครเข้าร่วมงานได้ฟรี และจะได้เข้าร่วมงานถึง กิจกรรมด้วยกัน ได้แก่ งานแสดงสินค้าออนไลน์ หรือ Virtual Trade Fair ซึ่งจะเปิดให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากทั่วโลกเข้าชมระหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคม 2564 ตามติดด้วยกิจกรรม Online Business Matching ระหว่างวันที่ 24-27 สิงหาคม 2564 และได้สิทธิ์เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานซึ่งมีกำหนดจัดในช่วงปลายปี 2564 

ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่พร้อมคว้าโอกาสทางธุรกิจ สามารถสมัครได้ผ่านระบบฟอร์มออนไลน์ ทาง https://bit.ly/3wDWFtX สมัครฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ปิดรับสมัคร 20 กรกฎาคม 2564 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 081-446-2655 หรืออีเมล marchebystylebkk@gmail.com

 


ฟิตอย่างไรไม่ให้หัวใจล้มเหลว

ฟิตอย่างไรไม่ให้หัวใจล้มเหลว 

            เหล่านักกีฬาและแฟนตัวยงของการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ คงเคยได้รับข่าวสารนักกีฬาเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว วูบเสียชีวิตคาสนามแข่งขันกีฬา หรือแม้กระทั่งคนทั่วไปที่สามารถเกิดเหตุการณ์เดียวกันนี้ได้ในขณะออกกำลังกาย ซึ่งทุกคนสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ด้วยการตรวจเช็กหัวใจเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอและครบทุกรายการตามคำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ 

         นพ.อนุสิทธิ์ ทัฬหสิริเวทย์ อายุรแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า สถิติของประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า อาการวูบคาสนามทำให้นักกีฬามีโอกาสเสียชีวิตถึง 1 ใน 50,000 คนต่อการแข่งขันกีฬาระดับวิทยาลัยและอาจจะสูงถึง 1 ใน 5,000 คนในการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล โดยในนักกีฬาที่อายุมากกว่า 35 ปีมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากถึง 5% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุและมักพบในนักกีฬาผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  โดยสาเหตุที่ทำให้นักกีฬาเกิดอาการวูบกลางสนามมีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น 1) กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว ซึ่งป็นโรคที่พบได้ในนักกีฬาอาชีพ เกิดจากการหนาตัวของกล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายล่างที่มีหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย หรือเกิดได้จากความผิดปกติทางพันธุกรรม 30% และจะพบได้มากในนักกีฬาผิวดำ โดยหากตรวจเจอว่ามีพังผืดในชั้นกล้ามเนื้อหัวใจแล้วลงแข่งกีฬาหนัก ๆ อาจเกิดแรงกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและเพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตแบบ Sudden Death ได้ เพราะเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นมา จะไปขัดขวางระบบการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจทำงานหนัก และถ้านักกีฬาไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา แล้วต้องลงแข่งกีฬาเป็นเวลานาน ๆ และออกแรงมาก ๆ จะส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายแบบฉับพลันจนวูบกลางสนามได้  2) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยคือการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรง จึงทำให้เป็นข้อห้ามในการออกกำลังกาย เพราะอาจกระตุ้นให้หัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะและหยุดเต้นได้ จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตขณะออกกำลังกายได้สูง 3) หัวใจเต้นผิดจังหวะขณะออกกำลังกาย เพราะการแข่งขันในแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่จนส่งผลให้ระบบไฟฟ้าหัวใจเสียสมดุลและเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา ในบางกรณีคือไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองมีภาวะหัวใจผิดปกติ โดยเฉพาะในคนที่อายุน้อยกว่า 35 ปี ทำให้ละเลยการตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ รู้ตัวอีกทีอาจสายเกินไป 

            ในการออกกำลังกายจะมีการจัดโซนจากเบาที่สุดไปจนถึงหนักที่สุด โดยแต่ละโซนจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดต่อนาที (MPHR) ที่แตกต่างกัน การที่เรารู้ลิมิตของแต่ละโซนจะทำให้สามารถเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพหัวใจได้ Zone 1 50 - 60% MPHR (Very Light) คือการออกกำลังกายเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง จะไม่รู้สึกเหนื่อยมาก Zone 2 60 - 70% MPHR (Light) การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ช่วยดึงไขมันออกจากร่างกาย ดีต่อหัวใจและปอด Zone 3 70 - 80% MPHR (Moderate) ช่วยระบบเผาผลาญ เพิ่มความฟิต เหงื่อออกมาก เหมาะกับคนรักสุขภาพที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Zone 4 80 - 90% MPHR (Hard) ช่วยเพิ่มความทนทานให้แก่กล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เกิดการหายใจเร็ว กล้ามเนื้อตึงล้ามาก เหมาะกับนักกีฬาหรือคนทั่วไปที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ Zone 5 90 - 100% MPHR (Maximum) การเพิ่มศักยภาพในการออกกำลังกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อย หายใจเร็ว กล้ามเนื้อเกิดการตึงล้า เหมาะกับนักกีฬาที่ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวลงแข่งขัน 

            การตรวจเช็กความฟิตของนักกีฬาก่อนลงแข่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยป้องกันอาการวูบคาสนามและหัวใจล้มเหลวขณะออกกำลังกายได้ โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น 1) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG - Electrocardiogram) เป็นการคัดกรองความผิดปกติของหัวใจ ด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อของหัวใจ ทำให้สามารถลดการเสียชีวิตในกลุ่มของนักกีฬาที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปีได้ถึง 90% 2) การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน (Exercise Stress Test) จะทำให้ทราบระบบไหลเวียนเลือดและกราฟไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยคัดกรองโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันในระยะที่มากกว่า 70% ได้ 3) ตรวจหัวใจด้วย MRI (Magnetic Resonance Imaging)แสดงการบีบตัวของหัวใจได้ใกล้เคียงอวัยวะจริงมากที่สุด สามารถแสดงตำแหน่งทางเดินของเส้นเลือดหัวใจว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ ที่สำคัญคือ ใช้ในการตรวจค้นหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตรวจหาพังผืดในโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว เพื่อป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะขณะออกกำลังกาย 4) ตรวจหาคราบหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Scan: CAC)เป็นการประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป  

            และในทุกการแข่งขันผู้จัดควรเตรียมอุปกรณ์การช่วยชีวิตให้พร้อม โดยเฉพาะเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator: AED) อุปกรณ์ที่ช่วยช็อกไฟฟ้ากระตุกหัวใจเพื่อหยุดการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ ช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะที่ถูกต้อง และควรมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถทำการช่วยชีวิตได้ทันทีหากมีเหตุฉุกเฉินขณะทำการแข่งขัน ซึ่งการช่วยเหลือจะต้องถูกวิธีและอยู่ระหว่าง 3 - 5 นาที เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต ซึ่งก่อนช่วยเหลือควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมว่าปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงหรือไม่ โทรสายด่วน 1669 หรือรถพยาบาลสนามที่มีเครื่อง AED เพื่อทำการช่วยเหลือ โดยเริ่มจากการเรียกผู้ป่วยฉุกเฉิน ถ้าไม่มีการตอบสนองให้ทำการฟื้นคืนชีพโดยกดหน้าอกทันทีจนกว่าเครื่อง AED หรือทีมรถพยาบาลจะมาถึง 

            สำหรับนักกีฬาอาชีพสิ่งสำคัญคือการตรวจเช็กร่างกายอย่างสม่ำเสมอทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายพร้อมที่จะลงแข่ง โดยเฉพาะการตรวจเช็กสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด ส่วนคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายควรตรวจเช็กสุขภาพทุกปี ที่สำคัญหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายจะได้พบแพทย์ได้ทันท่วงที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รพ.หัวใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 โทร.1719  หรือ HEART CARE LINE Official : @hearthospital  





 

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พาณิชย์ไทยกับเมืองโคฟุ ญี่ปุ่น เซ็น MOU Mini-FTA ฉบับแรก ดันอัญมณี-เครื่องประดับไทยผงาดในตลาดโลก

พาณิชย์ไทยกับเมืองโคฟุ ญี่ปุ่น เซ็น MOU Mini-FTA ฉบับแรก ดันอัญมณี-เครื่องประดับ

ไทยผงาดในตลาดโลก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเซ็น MOU แบบ Online โดยมี นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนายยูอิชิ ฮิงุชิ นายกเทศมนตรีเมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมในพิธี ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564

โดย นายจุรินทร์ ประธานในพิธีและเป็นสักขีพยาน กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะวิกฤตโควิด-19 และวิกฤติเศรษฐกิจของโลก การส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือน (มกราคม.-พฤษภาคม) ที่ผ่านมา สามารถทำรายได้จากการส่งออกเป็นมูลค่า 3.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.78%  โดยเฉพาะภาคการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ประเทศไทยสามารถส่งออก มูลค่า 67,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินของไทยสามารถทำการส่งออกได้เป็นลำดับที่ 1 ของโลก และพลอยสีเป็นลำดับที่ 3 ของโลก

สำหรับการค้าไทย-ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของไทยและตลาดญี่ปุ่นถือว่าเป็น 1 ใน 6 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญที่สุดของไทย 5 เดือนแรกของปีนี้ ไทยสามารถส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปญี่ปุ่นมูลค่า 2,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.84% ตนได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการค้าเชิงลึกกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก นอกจากระบบในการค้าปกติหรือรูปแบบการทำ FTA ตนมอบนโยบายความสัมพันธ์ทางการค้าเชิงลึกหรือการลงนามบันทึกความเข้าใจที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับมณฑลของรัฐหรือเมืองที่มีความสำคัญ

การลงนามระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ จึงเกิดขึ้นถือเป็นก้าวสำคัญของการเริ่มต้นนโยบายขยายความสัมพันธ์การค้าเชิงลึกของกระทรวงพาณิชย์ประเทศไทย เป็นการลงนามตามนโยบายเป็นครั้งแรก ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

ประการที่หนึ่ง มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านการพัฒนาธุรกิจการผลิตอัญมณีเครื่องประดับทางการตลาด และการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างการในส่วนของ SMEs ของทั้งสองฝ่าย เมืองโคฟุเก่งเรื่องเทคโนโลยีการขึ้นตัวเรือนแต่ประเทศไทยเก่งในเรื่องการเจียระไนอัญมณี

ประการที่สอง ร่วมมือกันทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกันทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันต่อไป ประการที่สาม ตนหวังว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันในเรื่องอัญมณีระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในปี 2564 นี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวเลขปีที่แล้วสามารถทำมูลค่าการค้าระหว่างกันไทย-ญี่ปุ่น ด้านอัญมณี 14,754 ล้านบาท  บวก 2% แต่ปี 64 ตั้งเป้าว่าจะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันด้านอัญมณีและเครื่องประดับให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5  ไม่ต่ำกว่า 15,500 ล้านบาท

ขอขอบคุณเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศกรุงโตเกียว ที่ร่วมกันผลักดันสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันขึ้นในวันนี้เชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการค้าและพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปและขอให้พี่น้องชาวโคฟุประสบแต่ความสุขโดยทั่วกันด้วย

โดยช่วงหนึ่งของบรรยากาศในงานวันนี้ ทางนายยูอิชิ ฮิงุชิ นายกเทศมนตรีเมืองโคฟุ กล่าวผ่านระบบถ่ายทอดสัญญาณสดจากประเทศญี่ปุ่นว่า เมืองโคฟุมีประชากรราว 190,000 คนถือเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจังหวัดยามานาชิ เมืองโคฟุเป็นแหล่งผลิตผลึกแก้วคริสตัลที่มีการพัฒนาการเจียระไนและแปรรูปให้เป็นแหล่งแปรรูปอัญมณี เมืองโคฟุเป็นศูนย์กลางแห่งอัญมณีและเครื่องประดับ โดยก่อนนี้ในปี 2562 ตนได้มีโอกาสเดินทางมาประเทศไทยและได้ก็จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจที่กรุงเทพเพื่อประชาสัมพันธ์เครื่องประดับของเมืองโคฟุให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ปัจจุบันจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ส่งผลต่อการเดินทางระหว่างประเทศ แต่การลงนาม MOU ในวันนี้จะช่วยเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องประดับทั้งไทยและเมืองโคฟุมากยิ่งขึ้นต่อไป และหวังว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะคลี่คลายโดยเร็วและอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ของสองประเทศจะพัฒนามากยิ่งขึ้นต่อไป

และหลังจากนั้นอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับ นายกเทศมนตรีเมืองโคฟุได้ลงนาม MOU ท่ามกลางสักขีพยาน เช่น นายสุริยน ศรีอรทัยกุล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางประพีร์ สรไกรกิติกูล ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เป็นต้น

หลังเสร็จพิธี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า " การลงนามนี้ถือเป็น Mini FTA ฉบับแรกที่ตนได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าเชิงลึก เมืองโคฟุเป็นศูนย์กลางการค้าด้านอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศญี่ปุ่น การลงนามจะก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการทั้งส่งเสริมภาคการผลิต ทำการตลาดร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆระหว่างกัน ทั้งการเจียระไน ขึ้นตัวเรือนและซอฟท์แวร์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิต

Mini FTA ฉบับต่อไปที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าคือทำกับมณฑลไหหลำของประเทศจีน และรัฐเตลังกานาของประเทศอินเดียและอื่นๆ คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ และได้คุยกับภาคเอกชน ในช่วง 4-5เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นมียอดสั่งซื้อมากขึ้นประมาณ 30% จากที่คาดไว้และตนได้หารือกับภาคเอกชนและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีความเป็นไปได้ที่ช่วงเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อาจไปจัดการส่งเสริมการขายที่จังหวัดภูเก็ตในบางจุดที่มีความเหมาะสม เพื่อให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ประสงค์นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับจากประเทศไทยเดินทางมาที่ภูเก็ตเพื่อส่งเสริมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และส่งเสริมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทยด้วย l

 

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่  ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ชมการแสดงงิ้ว...