วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

งานมอบรางวัล CEO NUMBER AWARD 2022 ครั้งที่ 1 และการประกวด Miss CEO Number 1 International 2022

งานมอบรางวัล CEO NUMBER AWARD 2022  ครั้งที่ 1 และการประกวด Miss CEO Number 1 International 2022


               หม่อมหลวงปานวาด ศุขสวัสดิ์ ปนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เป็นประธานในการแถลงข่าวงานมอบรางวัล CEO NUMBER AWARD 2022   ครั้งที่ 1 รางวัลเชิดชู​เกียรติความสำเร็จแห่งปี 2022​ เพื่อการันตีคุณภาพ ศักยภาพ​ ธุรกิจ​และผลิตภัณฑ์ สินค้า ​คุณ​ภาพยอดเยี่ยม​ ปี​ 2022 และการประกวด Miss CEO Number1 International 2022 โดยมีนายโอมประกาศเกปาล ประธานองค์กรอนุรักษ์ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นางสาวกัณฑ์ชิสา ปฐวีนันท์ ประธานชมรมรักษ์ถิ่นสยาม ดร.อมรรัตน์ สัญนุจิตต์ และ ดร.ริญลดา เพชรทะลุง ประธานชมรมส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจไทยสู่สากล พร้อมด้วยคณะกรรมการตัดสิน รวมทั้งผู้รับมอบรางวัล ร่วมแถลงข่าวด้วย ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก ณ ห้อง Kontent ชั้น 19 โรงแรม ใบหยกสกาย เมื่อวันศุกร์ ที่ 30 กันยายน 2565

                คุณกัณฑ์ชิสา แสงปฐวีนันนท์ กล่าวว่า การจัดงานมอบรางวัล CEO NUMBER AWARD 2022   ครั้งที่ 1 ในครั้งนี้ จัดโดยองค์กรอนุรักษ์ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และชมรมส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจไทยสู่สากล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมฉลองความสำเร็จ และยกย่องเกียรติแก่นักธุรกิจและ CEO ดีเด่นยอดเยี่ยมแห่งปี  ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ มีความสามารถบริหารงานจัดการ ในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดีเยี่ยม  "เพราะรางวัลที่ได้ไม่ใช่แค่รางวัล" แต่คือการได้ความเชื่อมั่น ยอมรับ และพัฒนาธุรกิจให้ก้าวไกลเดินหน้าสู่ระดับสากล เป็นการการันตีคุณภาพ ศักยภาพ​ ธุรกิจ​ และผลิตภัณฑ์สินค้า คุณ​ภาพยอดเยี่ยม​ ปี​ 2022  พร้อมกันนี้ก็ยังได้จัดให้มีการประกวด Miss CEO Number1 International 2022 ด้วย

                 การจัดงานมอบรางวัล CEO NUMBER AWARD 2022   ครั้งที่ 1 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลา 17:00 – 22:00 น. ณ โรงแรมใบหยกสกาย (Baiyoke Sky Hotel ) ถนนราชปรารภ แขวง ถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยไดัรับเกียรติจากหม่อมหลวงปานวาด ศุขสวัสดิ์ ปนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล

          จึงขอเรียนผู้ประกอบการ​ ทั้งไทยและต่างประเทศ ในนามบุคคล, บริษัท,​ นักธุรกิจ, ห้างร้าน​, ผู้บริหารธุรกิจ​ กิจการการต่างๆ​ รวมถึงCEO​ เจ้าของแบรนด์​สินค้าและผลิตภัณฑ์​ เข้าร่วมส่งรายชื่อ​เสนอเพื่อพิจารณาเข้ารับรับรางวัลเชิดชู​เกียรติ​ รางวัลCEO NUMBER 1 2022 ครั้งที่ 1 ต้องการติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถรับคำปรึกษาได้โดยตรงที่ Line : https://line.me/ti/p/pnjKT HYPERLINK "https://line.me/ti/p/pnjKT94_2P"94 HYPERLINK "https://line.me/ti/p/pnjKT94_2P"_ HYPERLINK "https://line.me/ti/p/pnjKT94_2P"2 HYPERLINK "https://line.me/ti/p/pnjKT94_2P"P หรือโทร: 098-825-0463 (คุณโอม) 

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

ปลดล็อกอาการปวดหลัง กลับมาใช้ชีวิตอิสระได้อีกครั้ง ที่ศูนย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง รพ.นครธน

ปลดล็อกอาการปวดหลัง กลับมาใช้ชีวิตอิสระได้อีกครั้ง 

ที่ศูนย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง รพ.นครธน 

นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยให้ความเจ็บป่วยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป การเกิดอาการปวดที่กระดูกสันหลัง ซึ่งในอดีตถือเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทในรายที่รุนแรงถึงขนาดไม่สามารถเดิน หรือนั่ง แม้กระทั่งนอนได้ อาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปิดหลังเป็นแผลยาวเพื่อเลาะกล้ามเนื้อเข้าไปจัดการกับต้นตอของความเจ็บปวด ไม่เพียงผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด หลังการผ่าตัดยังต้องพักรักษาตัวเป็นระยะเวลายาวนานกว่าร่างกายจะฟื้นกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

จากจุดเริ่มต้นที่ โรงพยาบาลนครธน มุ่งมั่นในการเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางชั้นนำในย่านพระรามที่ 2 ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล จัดตั้งศูนย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โดยความร่วมมือกับ บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก ให้บริการเฉพาะทางสำหรับผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติทางกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และเส้นประสาท พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง และทีมสหสาขา ด้วยการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อผลการรักษา และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยเป็นสำคัญ พร้อมได้รับการรักษาในราคาที่สามารถเข้าถึงได้

รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด  กล่าวว่า รูปแบบความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลนครธน และบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก เป็นการนำองค์ความรู้ทางการแพทย์ บุคลากรที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะทีมแพทย์เฉพาะทางในการรักษาโรคกระดูกสันหลังมาร่วมมือกับโรงพยาบาลนครธน เพื่อร่วมกันจัดตั้งศูนย์กระดูกสันหลัง ณ โรงพยาบาลนครธน รวมทั้งเทคโนโลยีการรักษาโรคกระดูกสันหลังที่ทันสมัย เพื่อผลการรักษา และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยเป็นสำคัญ พร้อมได้รับการรักษาในราคาที่สามารถเข้าถึงได้


โรงพยาบาลนครธนเปิดให้บริการมากว่า 25 ปี ได้มีการพัฒนาเพื่อคุณภาพการรักษาและการบริการมาตลอด จากโรงพยาบาลรักษาโรคทั่วไปสู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อตอกย้ำเป้าหมายการเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางชั้นนำ    ในย่านพระรามที่ 2 ตามวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งมั่นสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตามมาตรฐานสากล และให้การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ (Humanized Healthcare)”

ด้าน นายสมศักดิ์ วิวัฒนสินชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก กล่าวว่า จากความร่วมมือในการจัดตั้ง ศูนย์กระดูกสันหลัง รพ.นครธน เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทางบำรุงราษฎร์ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลนครธน เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถในการให้การรักษาตามแนวทางของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นรูปแบบใหม่ของธุรกิจการให้บริบาลทางการแพทย์ในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ป่วยของโรงพยาบาลนครธนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพตามแนวทางของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในราคาที่สอดคล้องกับกลุ่มคนไข้ของโรงพยาบาลนครธน ซึ่งตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ถึงแม้ว่า ทางศูนย์ฯ ต้องเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ปรากฏว่ามีผู้ป่วยเข้ามาใช้การบริบาลของศูนย์อย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ซึ่งมั่นใจว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่โควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดี การให้บริการของศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน ก็จะยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยมากขึ้นเป็นลำดับในการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังที่ครบวงจร ด้วยความชำนาญของทีมแพทย์เฉพาะทาง และด้วยผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุด

นพ.วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการสถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์ และผู้อำนวยการศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน มีการวางแผนหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีการประชุมทีมร่วมกับแพทย์เฉพาะทางอย่างน้อย 4 ท่านขึ้นไป เพื่อนำเอาความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์เฉพาะทางแต่ละสาขามาร่วมกันดูแลผู้ป่วย ฉะนั้นผู้ป่วยจึงไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูล หรือพบแพทย์หลายโรงพยาบาล เพราะที่นี่รวบรวมหลากหลายความคิดเห็นจากทีมแพทย์ไว้ให้ในที่เดียวกันแล้ว ถือเป็นความคิดเห็นที่ดีและเหมาะสมที่สุด โดยทีมแพทย์มีประสบการณ์ในการดูแลรักษาโรคกระดูกสันหลังกว่า 10 ปี รักษาผู้ป่วยมาแล้วกว่า 10,000 ราย ซึ่งวิธีการรักษาอาการปวดหลัง ปวดคอ มีตั้งแต่แค่ทานยา การทำกายภาพบำบัดเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง การฉีดยาระงับปวด ไปจนถึงการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งในรายที่รักษาด้วยการทานยาแล้วไม่ดีขึ้น หรืออาการเป็นมากตั้งแต่แรก เมื่อประเมินดูแล้วว่าการรักษาด้วยยาอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร อาจจะพิจารณาให้รักษาด้วยการทำ Intervention ซึ่งเป็นการรักษาแบบโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือการผ่าตัด โดยแพทย์ประจำศูนย์จะให้คำแนะนำ ให้การรักษา และให้ทางเลือกกับผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจ

ทั้งนี้ คนไข้ที่มีอาการปวดคอ ปวดหลัง บริเวณเอว ปวดร้าวลงแขนลงขา หรือมีอาการชาบริเวณแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง คนไข้เหล่านี้มีโอกาสเป็นอาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท สาเหตุโดยหลักเกิดจากการเสื่อมของกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการมีอายุที่มากขึ้น การใช้งาน เช่น มีการยกของหนัก ก้มเงยบ่อย นั่งนานๆ หรือเล่นกีฬาบางประเภทที่ทำให้เกิดการกระแทกกับกระดูกสันหลัง ฉะนั้น หากมีอาการปวดเรื้อรังร่วมกับอาการชาหรือการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

                การผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอ็นโดสโคป และไมโครสโคป เป็นเทคนิค และวิธีการผ่าตัดที่ทำให้คนไข้บอบช้ำน้อยที่สุด โดยกล้องเอ็นโดสโคปซึ่งมีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึง 1 เซ็นติเมตร มีเลนส์ติดอยู่ที่ปลาย เปรียบเสมือนดวงตาของศัลยแพทย์ มีใยแก้วนำแสงเพื่อช่วยในการมองเห็น ทำให้ศัลยแพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติได้อย่างชัดเจนตรงจุด นอกจากนี้ ยังมี O-arm navigation เครื่องเอกซเรย์ 3 มิติ เป็นเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับศัลยแพทย์ในการผ่าตัด

            คุณดาววิภา ฉายางาม  เล่าถึงอาการก่อนการรักษาว่า อาการปวดเริ่มจากปวดบริเวณสะโพกร้าวลงมาที่ขาขวาและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันในเรื่องของการเดิน หลังจากรักษาด้วยการทานยา และกายภาพบำบัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น

กังวลว่าหากปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้อาจจะทำให้ถึงขั้นเดินไม่ได้ ซึ่งหลังจากการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดด้วยกล้องเอ็นโดสโคป ที่ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน  ทำให้สามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติ ไม่กลับมาปวดซ้ำอีก ใครที่มีอาการปวดหลังร้าวลงขา หรือปวดสะโพก มีอาการชา อ่อนแรงร่วมด้วย อย่าปล่อยทิ้งไว้ อยากให้รีบมาปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาค่ะ

คุณไพลิน สุรนาถกิตติธร อีกหนึ่งผู้รับบริการที่ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน ที่มีความกังวลกลัวการผ่าตัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ในการผ่าตัดรักษาอาการปวดหลังด้วยวิธีอื่นมาก่อน

ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้สึกกลัวการผ่าตัดเพราะเจ็บปวด และใช้เวลาพักฟื้นนาน คุณหมอศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน ได้ช่วยหาแนวทางการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้องเอ็นโดสโคป ที่เป็นการผ่าตัดแผลเล็ก ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังการผ่าตัด ทำให้หมดกังวลใจทันที สำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ เพียง 1 วันหลังการผ่าตัด ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม


คุณรชานนท์ เอี่ยมละออ เล่าถึงประสบการณ์เข้ารับการรักษาปวดคอเรื้อรัง เนื่องจากทำงานเป็นนักบัญชี ซึ่งต้องนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน จึงมีอาการปวดคอ ร้าวลงแขน ลงมา บ่า และไหล่ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องรีบมารักษาอย่างจริงจัง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สำลักน้ำ แล้วเกิดอาการเหมือนไฟฟ้าช็อตตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงขา ทำให้ร่างกายรวมทั้งแขนไม่มีแรง แม้แต่การเขียนหนังสือก็เป็นเรื่องยาก เมื่อเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลนครธน แพทย์อธิบายอย่างละเอียดถึงอาการว่าเกิดจากปัญหาใด การรักษาควรจะไปในทิศทางไหน การรักษาด้วยการผ่าตัดกระดูกคอผ่านกล้องเอ็นโดสโคปว่าใช้ระยะเวลาสั้น แผลเล็ก เจ็บน้อย จึงเกิดความมั่นใจ และตัดสินใจรักษา 

หลังจากเข้ารับการผ่าตัดไม่นานก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ เขียนหนังสือได้ ทำงานบ้านได้ ทั้งยังสามารถเล่นงัดข้อกับลูกได้เหมือนเมื่อก่อน

สำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาโรคกระดูกสันหลัง หากมีอาการ เช่น ปวดคอ หรือ ปวดหลัง เรื้อรัง ปวดคอร้าวลงแขน ปวดหลังร้าวลงขา หรือ มีอาการแขนชา มือชา หรือ ขาชา ร่วมด้วย ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม และดีที่สุด ทำให้กลับมามีคุณภาพชีวิตได้อย่างอิสระอีกครั้ง.สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ โรงพยาบาลนครธน

 

 

 

 

 

 

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565

เปลี่ยนสยามเป็นสนามกีฬาสุดมันส์ในงาน “Sport on Street” สยามสแควร์จัดเต็มเพื่อสายกีฬาโดยเฉพาะ

เปลี่ยนสยามเป็นสนามกีฬาสุดมันส์ ในงาน “Sport on Street” สยามสแควร์จัดเต็มเพื่อสายกีฬาโดยเฉพาะ 

              สยามสแควร์ชวนมามันส์กับกีฬาหลากหลายประเภททั้ง มวยไทย บาสเก็ตบอล ฟุตซอล วัวกระทิง Class Dance  Strider Racing ชวนเชียร์ฟุตบอล J.League พร้อมสนุกสนานกับความบันเทิง Street Performance หลากหลาย ระหว่าง วันที่ 30  กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 เต็มพื้นที่ Siam Square Walking Street และ ลิโด้คอนเน็ค

              สยามสแควร์ จัดงาน Sport on Street เปลี่ยนสยามให้เป็นสนามกีฬาสุดฮิตที่ใครๆ ก็เล่นได้ เพื่อส่งเสริมด้านการออกกำลังกาย โดยภายในงานพบกับครั้งแรกที่ยกเวทีมวยลุมพินีมาไว้ที่ Siam Square Walking Street พร้อมให้ประลองฝีมือ รวมทั้งจะได้พบกับนักมวยชื่อดังที่จะมาสร้างความตื่นเต้นให้วัยรุ่นสยาม อาทิ โชว์มวยจากค่ายน้องตุ้ม และพบกับนักมวยจาก Street Fight  มากถึง 20 คู่

             พร้อมกันนี้ยังมีสนามกีฬาอื่นๆ  อาทิ บาสเก็ตบอล ที่จะได้ฝึกทักษะการเล่นบาสกับผู้ฝึกสอนระดับมืออาชีพและสุดพิเศษกับการเปิดตัวสนามบาสเกตบอลระดับนานาชาติ พร้อม ชมแมตช์การแข่งขันบาสเก็ตบอล 30N3 แบบใกล้ชิดติดขอบสนาม ระหว่างทีมรวมดาราและทีมนักกีฬา 3BL /  Strider Racing สนุกสุดมันส์กับการแข่งขันจักรยานฝึกทรงตัวสำหรับเด็ก ในสนามกลางแจ้ง / ฟุตซอล ออกกำลังแข้งด้วยกิจกรรมมากมาย เช่น เดาะบอล เลี้ยงบอลผ่านกรวย โหม่งบอลแรลลี่ / Class Dance ขยับร่ายกาย ให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม กับBody Combat , Body Balance และ SH'BAM / สัมผัสสนามกีฬาวัวกระทิงจำลองที่สามารถทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกับกิจกรรมขี่วัวกระทิง / ทดลองความสนุกไปกับสนาม โกคาร์ท จักรยาน สกู๊ตเตอร์ ร่วมด้วยเอาใจคอฟุตบอลด้วย J.League Asia Challenge  ชวนเชียร์ฟุตบอล J.League ศึกไทยดาร์บี้ ระหว่างฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโล กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ณ ลิโด้คอนเน็ค

              และพิเศษสุดเสริมความมันส์กับความสนุกสนานของ Street Performance ที่ช่วยให้การเล่นกีฬามีสีสันและความสนุกสนานเร้าใจด้วยการเปิดแผ่นของ DJ ดัง นำโดย DJ.Jing , DJ.Shao-Funk และ HI8H SUGARR/ การเต้น Coverdance  B-Boyกับ ทีม Coverdance B-Boy อาทิ ทีม ss mirror และ Suksiri Dance Studio /การแสดงดนตรีจากวง S.D.F,NOS, DrJing, BELLA,The 38 Years ago และ ดนตรี MUSIC ON STREET อีกมากมาย  ระหว่างวันที่  30  กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 นี้ ณ Siam Square Walking Street ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/SiamSquareOfficial

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565

สวพส. คว้า 8 รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2565 ผลงานแห่งความสำเร็จการพัฒนาพื้นที่สูง

สวพส. คว้า 8 รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2565 ผลงานแห่งความสำเร็จการพัฒนาพื้นที่สูง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานและมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 256 ให้กับนายวิรัตน์ ปราทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง โดยมีคณะผู้บริหาร บุคลากรจาก สวพส. และผู้แทนหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือ ร่วมรับรางวัลและแสดงความยินดีกับผลงานที่ได้รับ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting)

ายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า รางวัลที่ได้รับแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ที่มุ่งมั่นและทุ่มเททำงานในชุมชนบนพื้นที่สูงอย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงพี่น้องเกษตรกร ส่งผลให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สำหรับบในปีนี้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับรางวัลถึง 3 สาขา ทั้งหมด 8 รางวัล ได้แก่

รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 (PMQA 4.0) ระดับ ก้าวหน้า

รางวัลบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการ ระดับดี ผลงาน "แผนที่ดินรายแปลง" เข็มทิศแห่งความยั่งยืน

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ผลงาน ร่วมมือสร้างรายได้ ร่วมแรงใจให้ท้องอิ่ม สร้างรอยยิ้มชาวห้วยโทน

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทผู้นำหุ้นส่วนความร่วมมือ(นายแผง ใจปิง) ระดับดีเด่น ผลงาน ร่วมมือสร้างรายได้ ร่วมแรงใจให้ท้องอิ่ม สร้างรอยยิ้มชาวห้วยโทน

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทเลื่องลือขยายผล ระดับดีเด่น ผลงาน เลื่องลือขยายงาน บ้านปางแดงในต้นแบบต่อยอด Towards SDGs

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม : ประเภทร่วมใจแก้จน ระดับดีเด่น ผลงาน สลัดความจน ด้วยกลยุทธ์ทางเลือก

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม ระดับดี ผลงาน จากต้นสู่แก้ว กาแฟดอยแม่สลองกับการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน

รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม ระดับดี ผลงาน พัฒนาอาชีพแก้จน ลดเขาหัวโล้นเมืองน่าน

สำหรับรางวัลเลิศรัฐ (Public Sector Excellence Awards: PSEA) เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จและมีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานภาครัฐทั้งปวง โดยจะมอบให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่สามารถพัฒนาคุณภาพการบริการ และระบบการบริหารงานเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และพึงพอใจให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการบริหารราชการให้มีระบบหรือวิธีการที่ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน จนเกิดการทำงานร่วมกันในลักษณะหุ้นส่วนและความร่วมมือ ตลอดจนพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hrdi.or.th/Activities/detail/452  Website: www.hrdi.or.th  YouTube: www.youtube.com/user/HRDIPublicOrg  และ LINE: https://lin.ee/vbnjJO8

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565

ททท. เปิดตัวโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” ชวนหมุนวงล้อแห่งความคิดถึง ลุ้นรับรางวัลกว่า 1,500 รายการ

ททท. เปิดตัวโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” 

ชวนหมุนวงล้อแห่งความคิดถึง ลุ้นรับรางวัลกว่า 1,500 รายการ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง”  เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมจัดกิจกรรม “วงล้อแห่งความคิดถึง” ผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou ชวนหมุนวงล้อลุ้นรับ Voucher ราคาสุดพิเศษ สำหรับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทย หวังดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง ภายในสิ้นปี 2565 โดยมีนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผูว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมงาน  และมีนายแมทธิว ดีน และน้องเดมี่ ดีน มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ท่องเที่ยว ณ ห้องโถงธนะรัชต์ ชั้น 1 อาคาร ททท. เมือวันที่ 15 กันยายน 2565 

             นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.  กล่าวว่า ททท. เดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ภายใต้แคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 160 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้ประมาณ 656,000 ล้านบาท ภายในปี 2565  โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 พบว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2565 นั้น มีอัตราการเดินทางของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยกว่า 113,635,246 คน-ครั้ง แบ่งเป็นนักท่องเที่ยว จำนวน 74,335,927 คน-ครั้ง และนักทัศนาจร จำนวน 48,702,397 คน-ครั้ง 

                   โครงการ เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างครอบคลุมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายตามที่ ททท. ได้วางเอาไว้ ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในส่วนต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจด้านที่พัก ร้านอาหาร สปา แหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงธุรกิจรายย่อยที่ประกอบกิจการในพื้นที่ต่าง ๆ  โดย ททท. กำหนดจัดกิจกรรม “วงล้อแห่งความคิดถึง” เพื่อสร้างการรับรู้ผ่าน #เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง  โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพียงหมุนวงล้อ จะได้รับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 รายการ และพิเศษทุกวันศุกร์ เมื่อผู้ร่วมกิจกรรมหมุนวงล้อจะมีสิทธิ์ลุ้นรับ Voucher ฟรี!, Voucher 9 บาท, และ Voucher ราคาพิเศษ จำกัดสิทธิ์หมุนวงล้อ 3 ครั้ง/คน/สัปดาห์ 

                โดยหากผู้เข้าร่วมกิจกรรมหมุนวงล้อได้ในตัวเลือก Voucher ราคาพิเศษ และ Voucher 9 บาท จะได้รับสิทธิ์เลือกซื้อ Voucher ในหมวดตัวเลือกนั้น ๆ ได้อย่างน้อย 1 Voucher/คน/สัปดาห์  ซึ่งมีทั้งหมด 1,500 รายการ จาก 5 หมวดหมู่ ประกอบด้วย 

1. วงล้อแหล่งท่องเที่ยวที่คิดถึงที่สุด อาทิ ทัวร์เกาะรอกนอก - เกาะรอกใน – เกาะม้า/ ทัวร์ 1 วันเกาะล้านแบบเต็มวันด้วยเรือสปีดโบ๊ท/ ทัวร์ชิมไวน์ไทย + เซตเมนูอาหารกลางวัน เขาใหญ่/ ทัวร์หมู่เกาะพีีพี – อ่าวมาหยา/ ทัวร์ เกาะราชา & เกาะเฮ และ ทัวร์สมุยแบบเต็มวัน

2. วงล้อที่พักที่คิดถึงที่สุด อาทิ โรงแรมฮิลตัน พัทยา/ โรงแรม วี วิลล่า หัวหิน/ บาบา บีช ภูเก็ต/ บาบา บีช หัวหิน/ ศรีพันวา/ กีมาลา/ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน และ เดอะวิลเลจ โคโคนัท ไอส์แลนด์ บีช รีสอร์ท

3. วงล้อร้านอาหารที่คิดถึงที่สุด อาทิ แบล็ค แคนยอน/ ไทยบัสฟู้ดทัวร์/ ครัวเจ๊ง้อ/ ร้านครัวคุณกุ้ง/ ร้านฮกกี โภชนา/ โอ้กะจู๋/ เสือพ่นไฟ/ ฉ่อย เป็ดย่าง/ ศรีตราด และ แมนดารินสุกี้ติ่มซำฮาลาล

4. วงล้อการเดินทางที่คิดถึงที่สุด อาทิ ไดรฟ์ฮับ/ บลูโวยาจ/ ส่วนลดสายการบิน และ ทัวร์รถบัส 2 ชั้นเปิดประทุน Hop-On Hop-Off ชมเมืองกรุงเทพฯ โดย Elephant Bus Tours

5.วงล้อกิจกรรมท่องเที่ยวที่คิดถึงที่สุด   อาทิ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล/ สยามอะเมซิ่งพาร์ค/ ดรีมเวิลด์/ สวนน้ำรามายณะ พัทยา/ โอเอซิสสปา/ พิพิธภัณฑ์ ริบลีส์ เชื่อหรือไม่/ เล็ทส์ รีแล็กซ์ สปา/ ซีไลฟ์ แบงคอก/ พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ อาร์ท อิน พาราไดรซ์ (พัทยา)/ อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา จำกัด/ โอเอซีส ซีเวิลด์/ ณ สัทธา อุทยานไทย และ มาดาม ทุสโซ กรุงเทพ

และยังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังมีกิจกรรม “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” โดยให้ผู้สนใจร่วมแบ่งปันความทรงจำสถานที่ท่องเที่ยว เทศกาล และกิจกรรมท่องเที่ยวที่คิดถึง ผ่าน Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok พร้อมติด Hashtag #เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง พร้อมลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษรวมมูลค่าถึง 250,000 บาท

                 สำหรับผู้ที่สนใจหมุนวงล้อแห่งความคิดถึงสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อ Voucher ภายใต้กิจกรรมวงล้อแห่งความคิดถึง มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลฟรีจากทางโครงการฯ จำนวน 10 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท

สามารถติดตามหรือสอบถามรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติม ได้ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou หรือ โทร.1672 Travel Buddy

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่  ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ชมการแสดงงิ้ว...