วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565

สธทท. นำนักท่องเที่ยวระดับ VVIP ร่วมเปิดตัวเรือ Aonang Princess 8 พร้อมเปิดโครงการ “Wellness sunset Cruise” ของบริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์

สธทท. นำนักท่องเที่ยวระดับ VVIP ร่วมเปิดตัวเรือ Aonang Princess 8 พร้อมเปิดโครงการ “Wellness sunset Cruise” ของบริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์






นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย  (สธทท) นำนักท่องเที่ยวระดับวีวีไอพีของ สธทท.ร่วมเปิดตัวเรือ Aonang Princess 8 เรือสำราญติดแอร์ขนาด 419 ที่นั่ง พร้อมเปิดโครงการ “Wellness sunset Cruise” ของบริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์ โดยมี นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก กรรมการบริหาร บริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์ และ โรงแรมอ่าวนางปริ้นซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ทแอนด์ สปา คุณกุสุมา กิ่งเล็ก กรรมการผู้จัดการโรงแรมอ่าวนางปริ้นซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา และประธานชมรมฮาลาลแอนด์มุสลิมเฟรนด์ลี่ คุณสมเกียรติ์ สืบเหตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์ และเลขาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวนาง และ นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกระบี่ ให้การต้อนรับ








กิจกรรมเปิดตัวโครงการ “Wellness sunset Cruise บนเรือ Aonang Princess 8 จัดขึ้นอย่างสนุกสนาน สบายๆ ผ่อนคลาย มีความสุข เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ภายใต้มาตรการสาธารณสุข นักท่องเที่ยวได้ทานอาหารแบบ heavy cocktail reception พร้อมเครื่องดื่ม free flow soft drink ท่ามกลางเสียงคลื่นเบาๆ และเสียงเพลงเพราะๆ จากวงดนตรี duo band รวมทั้งได้นวดผ่อนคลายเพื่อสุขภาพบนเรืออีกด้วย








 เรือจะแล่นจากท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธารา ชมวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลสีครามที่สวยงาม ผ่านเกาะแกร่งของทะเลกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นอ่าวไผ่ปล้อง อ่าวไร่เลย์ ถ้ำพระนาง ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าส่องแสงสีแสดระยิบระยับแตะท้องทะเลที่เกาะปอดะ จุดที่สวยงามที่สุดในอ่าวนาง  โดยทริปนี้นักท่องเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ คุ้มค่า คุ้มเวลา ประทับใจสุดๆ แถมได้ผ่อนคลาย และดีต่อสุขภาพดีอีกด้วย








สำหรับกลุ่ม Meeting, งานเลี้ยงบริษัทงานแต่งประชุมสัมมนาเดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะคอนเสิร์ต  ในฝั่งทะเลอันดามันของไทย สนใจใช้บริการล่องเรือสำราญ Aonang princess 8 สามารถดูรายละเอียดและติดต่อได้ที่ www.Aonangtravel.co.th บริษัท อ่าวนางแทรเวล แอนด์ทัวร์ จำกัดโทร. 075-637-152-3089-874-8890081-979-9055

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

เปิดตัวบริษัท “Geneomics Global Co.,Ltd” ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Hub ด้านกัญชงของเอเชีย

เปิดตัวบริษัท “Geneomics Global Co.,Ltd”

ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Hub 

ด้านกัญชงของเอเชีย

ดร.เอมอร โคพีร่า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีนีโอมิกซ์ โกลบอล จำกัด (Geneomics Global Co.,Ltd) พร้อมด้วย Dr. Aimon Kopera MD CEO and Founder Geneomics Global Prof. Dr. Jay Noller PHD Director GHIC Oregon State University, USA Dr. Gerad Rosse PHD  President of PIC Solution USA  และ Mr. Billy Morrison  CEO of Pamir Scientific, USA ร่วมสัมภาษณ์พิเศษกลุ่มย่อยเปิดตัวบริษัท “Geneomics Global Co.,Ltd” ณ ห้องสุขุมวิท โรงแรมเชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท เมื่อวันอังคารที่ 22 มีนาคม 2565


การสัมภาษณ์พิเศษกลุ่มย่อยเปิดตัวบริษัท “Geneomics Global Co.,Ltd” ในวันนี้ ได้มีการพูดคุยถึงการเป็น Global Hemp Innovation Collaboration ในประเทศไทย รวมถึงแผนการดำเนินงานในประเทศไทย การผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Hub ด้านกัญชงของเอเชีย การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชง ความโดดเด่นของผู้ร่วมทีมพัฒนาและวิจัยในระดับโลก รวมทั้งแผนระยะยาวในการช่วยเหลือและยกระดับเกษตรกรไทยในการปลูกพืชกัญชง และจุดเด่นของกัญชงไทยในตลาดโลก

                              

                ดร.เอมอร โคพีร่า ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Geneomics Global, USA เปิดเผยในโอกาสนำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชง กัญชา ระดับโลก เข้าร่วมสัมมนาวิชาการนานาชาติ Cannabis International Conference 2022 Thailand ว่า จากความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการร่วมศึกษาวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชง กัญชา อีก 3 สาขา ประกอบด้วย  Prof. Dr. Jay Noller เชี่ยวชาญ ทางด้านนวัตกรรม กัญชง กัญชา และเป็นผู้ค้นพบสารจากกัญชง กัญชา ใช้สร้างสูตรมาส่งเสริมการรักษา COVID-19, Dr. Gerard Rosse ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการสกัดและการทำให้สารจากกัญชงกัญชาบริสุทธิ์ และ Mr. Billy Morrison ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการปลูกและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่ทั่วโลกยอมรับว่า "เป็นแหล่งปลูกและแหล่งรวมของสายพันธุ์กัญชงและกัญชาชั้นเลิศ" จึงเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งหากประเทศไทยสามารถก้าวสู่ผู้นำแถวหน้าของโลกในการเป็นผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารสกัดกัญชงและกัญชา โดยเล็งเห็นว่าความพร้อมของประเทศไทยในเวลานี้ หากนำองค์ความรู้และการใช้วิทยาศาสตร์ขับเคลื่อนคาดว่า "ประเทศไทยจะกลายเป็นฮับ (HUB) กัญชง กัญชา แห่งเอเชีย" ได้ จึงเป็นโอกาสดีที่คณะผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย รวมทั้งการร่วมเสวนาในเวทีวิชาการระดับนานาชาติเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกันกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กัญชงกัญชาระดับชาติ

"หัวใจสำคัญในการพัฒนาให้เกิดการยอมรับในระดับโลกได้นั้น กระบวนการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะต้องอยู่บนหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ การค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้องค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดนั้นจะต้องอ้างอิงความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดจริง"

เพราะหากเราสามารถสร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมกัญชงและกัญชาในประเทศไทยให้เกิดการยอมรับด้วยมาตรฐานสากลตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ทั้งในส่วนอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร พลังงานและเคมีชีวภาพ การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว ซึ่งการบูรณาการทั้ง 4 อุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน จากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม) ได้ระบุถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มขนาดใหญ่ของประเทศ ที่มีสัดส่วนใน GDP ถึง 21% และเกี่ยวข้องกับอาชีพและการจ้างงานของคนในประเทศมากกว่า 16.5 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม การจะสร้างมาตรฐานด้านกัญชงและกัญชาของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกได้นั้น ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ล้วนเกิดจากการศึกษาวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เพราะเรื่องของกัญชงกัญชาเป็นวาระการแข่งขันในระดับโลกที่กลุ่มอุตสาหกรรมในหลายประเทศต่างขับเคลื่อนเรื่องนี้กันอย่างเต็มที่เช่นกัน และก็กำลังเฝ้ามองการเดินหน้าของประเทศไทยว่า "จะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้อย่างไร" ดังนั้นหากเราเกิดการสะดุดหรือขาดการยอมรับในระดับสากลแล้ว อาจส่งผลต่อการเสียต่อโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

การตัดสินใจเข้ามาตั้งศูนย์ Global Hemp Innovation Collaboration ในประเทศไทย นับว่าเป็นการตั้งสาขาแรกนอกประเทศสหรัฐฯ ของ Geneomics Global อีกทั้งยังนับเป็นสาขาที่ 4 ของเราโดยทั้ง 3 สาขาก่อนหน้านั้นได้ตั้งอยู่ที่ Oregon state, Hawaii และ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฯแห่งนี้ พร้อมที่จะคิดค้นวิจัยและต่อยอดเพื่อสร้างสูตรการผลิตให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ด้านวัสดุจากเส้นใยกัญชง หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ บนพื้นฐานงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล เนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น มาตรฐานการแข่งขันจะต้องได้รับการยอมรับในด้านความถูกต้องทางวิทยาศาตร์และข้อมูลการวิจัยที่ได้ผลจริงมีแหล่งอ้างอิงที่ถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มากกว่าการใช้ความรู้เพียงบางส่วนหรือข้อมูลที่ยังคลุมเครือ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเราอาจสูญเสียความเชื่อมั่น ไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กัญชงกัญชาของประเทศไทยให้สะดุดได้ในที่สุด จึงอยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการใช้องค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาเป็นสำคัญ

สำหรับศูนย์ Global Hemp Innovation Collaboration ในเมืองไทยนั้นถือเป็นสาขาที่ ของ Geneomics Global, USA ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อ Geneomics Global Co.,Ltd โดยมุ่งเน้นบริหารให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจกัญชง-กัญชาอย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมทั้งการขยายธุรกิจร่วมกับวิสาหกิจชุมชน ภายใต้การกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกัญชง-กัญชาในเอเชีย และเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นตามพันธกิจที่ต้องการอีกด้วย

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565

นกแอร์จัดไฟล์ทพิเศษ โปรโมทเส้นทางการบินและสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเบตง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวบินสู่เบตง

นกแอร์จัดไฟล์ทพิเศษ โปรโมทเส้นทางการบินและสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเบตง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวบินสู่เบตง



สายการบินนกแอร์ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เทศบาลเมืองเบตง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง และชมรมโรงแรมอำเภอเบตง ร่วมกันโปรโมทเส้นทางการบินและสถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเบตง


นายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการบินพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยวสื่อมวลชน Youtuber, Social Media, และ Influencer เดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ จากท่าอากาศยานดอนเมืองมายังท่าอากาศยานนานาชาติเบตง เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางการบินของสายการบินนกแอร์ดอนเมือง-เบตง และ เบตง-ดอนเมือง สร้างความเชื่อมั่นด้านการเดินทางโดยสายการบิน พร้อมโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเบตง เพื่อชวนเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเบตง โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเมืองเบตง นางสาวนวพร ชัวชมเกตุ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส นายนรินทร์ เรืองวงศา  อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตงและที่ปรึกษานายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง และนายพฤกษ์ วงศ์นามโรจน์ ประธานชมรมโรงแรมอำเภอเบตง ร่วมการต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565

อำเภอเบตง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลา ใต้สุดแดนสยาม ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนคล้ายคลึงกับภาคเหนือของไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมีชื่อเสียงที่เป็นที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจุดชมทะเลหมอก สกายวอล์ค อัยเยอร์เวง ที่กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุดในขณะนี้ และยังมีจุดชมทะเลหมอกบนยอดเขาฆูนุงซิลิปัต ทะเลหมอกไต๋ต๋ง ทะเลหมอกสองแผ่นดินบ้านกาแป๊ะฮูลู สวนหมื่นบุปผาหรือสวนไม้ดอกเมืองหนาว บ่อน้ำร้อนเบตง อุโมงปิยะมิตร ต้นไม้พันปี ป่าฮาลาบาลาหรืออเมซอนแห่งเอเชีย อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ หอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุด พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ วัดพุทธาธิวาส (วัดเบตง) รวมทั้งมีอาหารอร่อยที่ให้ลิ้มลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไก่เบตง ผักน้ำ เคาหยก ปลานิลน้ำไหล ปลากือเลาะหรือปลาพลวงสีชมพู นอกจากนี้ยังมีผลไม้ เช่น ส้มโชกุน ทุเรียน ลองกอง เป็นต้น

                วันนี้คณะของเราก็ได้ชมและสัมผัสความสวยงามของเบตงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า “สนุกสนาน สวยงาม สุดยอด” เริ่มจาก ท่าอากาศยานเบตง ที่ดีไซน์ด้วยไม้ไผ่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตามโวย City Tour ชมหอนาฬิกา จุดแลนด์มาร์คกลางใจเมือง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อยู่คียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน  สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนของจังหวัดยะลา และนกนางแอ่นกว่าพันๆ ตัวที่จะเกาะสายไฟบริเวณหอนาฬิกา อีกหนึ่งเสน่ห์ที่อยู่คู่หอนาฬิกา (ช่วงที่เยอะมากที่สุดจะเป็นช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงมีนาคม เพราะนกนางแอ่นจะบินหนีหนาวมาจากไซบีเรีย) ได้ฟีลสัมผัสยามค่ำคืนของเบตงจะเห็นแสงไฟสวยๆ ส่องประกายมาจากหอนาฬิกาเบตงแบบงดงาม,

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467  ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สูงประมาณ 320 ซม. ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก, อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ วิศวกรรมชั้นยอดหนึ่งในแดนสยามและเป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย

Street Art Betong ภาพเขียนส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิต ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาวเบตง รวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีอยู่จริงใน อ.เบตง เช่น ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ซึ่งภาพถูกวาดทั้งหมด 11 จุด ทั้งบนผนัง กำแพง ใต้สะพาน และตัวอาคารหลายจุดรอบเมืองเบตง วาดโดยทีมนักศึกษาและอาจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งนำทีมโดยอาจารย์อํามฤทธิ์ ชูสุวรรณ คณะบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจและได้ถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่ระลึก


ตามด้วยการสักการะพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ณ วัดพุทธาธิวาส (วัดเบตง) เจดีย์ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์สีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา จากเจดีย์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงอีกมุมหนึ่งได้สวยงาม


  ลิ้มรสอาหารอร่อยที่ร้านหวายร้อยลี้ อาทิ ไก่เบตงสับ ไก่เนื้อแน่นๆ เลี้ยงตามธรรมชาติ เนื้อนุ่มไม่แห้งกระด้างราดด้วยน้ำซีอิ๊ว, เคาหยก หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ๆ กับเผือกเอาไปหมักกับเครื่องเทศของจีนแล้วเอาไปนึ่งรสชาติหอมหวานมี, ผักน้ำ ปลานิลน้ำไหล เลี้ยงบ่อธรรมชาติไม่คาวไม่มีกลิ่นดิน เนื้อนุ่มหวานร่วน เอามาทำแกงเหลือง ฯลฯ แวะจิบกาแฟ ชิลล์ ชิลล์ ร้าน Suvarna-rasa เป็นร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆ ที่ออกแบบตกแต่งสไตล์โมเดิร์นสวยงาม



ปิดท้ายที่ อุโมงค์ปิยะมิตรเป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้กำลังคน 40 – 50 คนขุดเข้าไปในภูเขา และใช้เวลาเพียง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ามีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล ใช้เป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง แต่ต่อมาได้กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต บริเวณทางเข้ามีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ให้ได้ไหว้สักการะขอพร  เดินมาอีกนิดจะเห็นซุ้มประตูพร้อมป้ายชื่อ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีน และต้นไทรพันปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี


          นอกจากแหล่งท่องเที่ยวในเมืองเบตงแล้ว จังหวัดยะลายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลายแห่งทั้งศาลหลักเมืองยะลา สะพานรถไฟ-สะพานดำ Yala Bird City Street Art น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.วัดหน้าถ้ำหรือวัดคูหาภิมุข และเขื่อนบางลาง ฯลฯ

นายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการบินพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ด้วยสายการบินนกแอร์ในครั้งนี้  โดยนำสื่อมวลชน ลงมาเพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางการบินดอนเมือง – เบตง และแหล่งเที่ยวในพื้นที่ อ.เบตง พร้อมดูความพร้อมต่างๆ ของเมืองเบตง มาชิมอาหารแสนอร่อย เพื่อจะได้นำไปประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว ส่วนค่าโดยสารเมื่อเปรียบเทียบระหว่างระยะทาง และเวลาที่ใช้ในการเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง ราคาของตั๋วโดยสาร 3,000 – 4,000 บาท ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาอำเภอเบตง เพราะก่อนหน้านี้จากเบตงไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชม. ต้องเดินทางจากเบตงไปถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่ และยังเป็นการลดภาวะเสี่ยงโควิด-19 ในระหว่างการเดินทางอีกด้วย หากผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอเบตง 5% จากตลาดการเดินทางทางบก ซึ่งปัจจุบันมีบริการรถไฟและรถบัสปรับอากาศรวมประมาณ 10 เที่ยวต่อวัน มาใช้บริการสายการบินก็ถือว่าโอเคแล้ว นกแอร์มีเครื่องพร้อมบิน แต่ทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน ต้องมาช่วยกันกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวของอำเภอเบตง

“นกแอร์ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ ด้วยการการันตีรายได้ 75% ในช่วง 6 เดือนแรกที่ให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง อยากให้ภาครัฐช่วยทำให้เราอุ่นใจ ช่วยชดเชยไม่ให้เราขาดทุนมากนัก

หลังจากนี้ทาง บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมท่องเที่ยวต่างๆ และผู้ประกอกการท่องเที่ยว รวมทั้งสื่อมวลชน ที่จะร่วมกันหารือและวางแผนการประชาสัมพันธ์ เพื่อกำหนดตารางการบินในอนาคตต่อไป

ด้าน นายนรินทร์ เรืองวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง และที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า จะมีการหารือร่วมกันระหว่างนกแอร์กับสมาคมด้านการท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และสมาคมโรงแรมไทย (THA) เพื่อร่วมกันทำตลาดเพิ่ม ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว สำหรับประเด็นที่จะหารือกัน มี 2 เรื่องหลัก ได้แก่

1.การการันตีจำนวนที่นั่งในแต่ละเที่ยวบินที่ 75% โดยภาคเอกชนจะร่วมมือทำการตลาดอย่างเต็มที่ เพื่อให้มีผู้โดยสารตามเป้าหมายขั้นต่ำของนกแอร์

2.เรื่องราคาตั๋วโดยสาร เพื่อกำหนดราคาขายตั๋วบินที่เหมาะสมกับตลาด โดยทางนกแอร์ประเมินว่าราคาขายเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง ควรอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อเที่ยวบิน แต่สมาคมฯประเมินว่าราคาที่ตลาดรับได้อยู่ที่ 2,500 บาทต่อเที่ยวบิน เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ อยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทต่อเที่ยวบิน และต้องนั่งรถต่อมาที่ อ.เบตง อีกประมาณ 4-5 ชั่วโมง

ภาคเอกชนท่องเที่ยวเบตงต่างคาดหวังว่านกแอร์จะกลับมาให้บริการเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง อีกครั้ง เริ่มวันที่ 1 เมษายน 2565 นี้เป็นต้นไป เพื่อสอดรับการเปิดด่านพรมแดนมาเลเซีย ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ รองรับการเดินทางจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย นอกจากนี้ยังตรงกับวันเช็งเม้ง ที่ชาวเบตงจะเดินทางกลับบ้านเกิดมาไหว้บรรพบุรุษ หลังจากมีการพูดคุยกับผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวในตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ พบว่ามีดีมานด์ต้องการเข้ามาเที่ยวไทยสูงหากมีการเปิดด่านมาเลเซีย หลังจากตลาดซบเซาเพราะสถานการณ์โควิด-19 โดยเมื่อปี 2562 ก่อนเจอวิกฤตินี้ มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์มาเที่ยว จ.ยะลา กว่า 6 แสนคนต่อปี

ส่วน นายพฤกษ์ วงศ์นามโรจน์ อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง และประธานชมรมโรงแรมอำเภอเบตง กล่าวเสริมว่า ภาพรวมตลาดโรงแรมที่พักใน อ.เบตง จ.ยะลา มีจำนวนโรงแรมประมาณ 30 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 2,000 ห้อง นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 กระทบต่อราคาห้องพักปรับลดลงจากเคยขายประมาณ 1,000 บาทต้นๆ ต่อคืน เหลือเริ่มต้นเพียง 400 บาทต่อคืน

หากนกแอร์สามารถกลับมาเปิดเส้นทางบินสู่เบตงได้ รวมถึงการเปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียในวันที่ 1 เม.ย.นี้ คาดว่าจะช่วยฟื้นราคาห้องพักให้กลับมาอยู่ในราคาปกติ หรือเพิ่มขึ้น 30-40% จากราคาขายในปัจจุบัน

 

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่  ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ชมการแสดงงิ้ว...