วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

"สง่างามอย่างไทย ให้โลกได้ประจักษ์" การประกวด สุภาพบุรุษถิ่นสยาม ประจำปี 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา

"สง่างามอย่างไทย ให้โลกได้ประจักษ์" การประกวด สุภาพบุรุษถิ่นสยาม ประจำปี 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา


               การประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม (สุภาพบุรุษถิ่นสยามทั้ง 77 จังหวัด)ที่ไม่ใช่แค่ประกวดชายงามแต่จะเป็นเวที ที่จะนำเอกลักษณ์ ความเป็นไทย ถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก เพื่อส่งเสริมให้เกิดรายได้ ด้านการท่องเที่ยว และสินค้าด้านศิลปะหัตกรรมของท้องถิ่นไทย อีกด้วย


               คุณฐากร เพิ่มพูล ประธานอำนวยการกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามและนางสาวถิ่นสยาม พร้อมด้วย คุณดำรงเกียรติ พินิจการ ผู้ช่วยเสขานุการนายกเมืองพัทยา คุณ เศรษฐวุฒิ ทัตสุระ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา คุณมานะ ยาประคำ ประธานสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยา,กรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย คุณนันท์นภัทร เจิมจุติธรรม ผู้เชี่ยวชาญการประกวด – กูรูนางงาม คุณรุ่งนภา แมคคลาวด์ (ดร.แอนนี่) ที่ปรึกษากองถิ่นสยาม (คณะกรรมการปฏิรูปบูรณาการกระทรวงศึกษาธิการ) ร่วมแถลงข่าวการประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม โดยมีคุณปัญญดา คล้ายโพธิ์ทอง ผู้ประสานงานกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามนางสาวถิ่นสยาม เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเช็นทรัล พัทยา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 


                       โดยการวันแถลงข่าวในวันนี้ ได้มีการพูดถึงความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนการจัดประกวดในครั้งนี้ รวมถึงเกณฑ์การให้คะแนนของคณะกรรมการการตัดสิน ภายใต้มาตรการการรักษาความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุข (การตรวจ ATK) (โดยได้การสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ swing thailand (ประจำพัทยา)


                        นอกจากนี้ ยังมีการเดินแบบโชว์ชุดที่ใช้ในการประกวด ได้แก่ ชุดเก็กมัม ชุดสูทผ้าไทย ชุดว่ายน้ำ ชุดประจำจังหวัด และชุดเก็บตัว เสื้อกอง พร้อมเปิดตัวเพลงสุภาพบุรุษถิ่นสยาม โดยมีนางสาวถิ่นสยาม 3 จังหวัด ได้แก่ นางสาวศิริวิมล ต่ายแสง นาวสาวถิ่นสยามกรุงเทพมหานคร นาวสาวชนัฎดา พวงสมบัติ นางสาวถิ่นสยามสมุทรปราการ นางสาวรุ่งกัลยา ช้างทอง นางสาวถิ่นสยามชลบุรี และ นางสาว อัญชิษฐา อิฐรัตน์ นางสาวถิ่นสยามปทุมธานีนำมงกุฎ แหวนเพชร และถ้วยรางวัลมาโชว์ด้วย

 

                      ฮอน-ฐากร เพิ่มพูล ประธานอำนวยการการกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้ทางกองประกวดได้มองเห็นถึงศักยภาพของหนุ่มหล่อ สมาร์ท  ภายในประเทศไทยที่อยากจะร่วมกันเป็นกระบอกเสียงในกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาดีขึ้น ทางกองประกวดจึงได้จัดประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามในครั้งนี้ เพื่อมุ่งค้นหาหนุ่มหล่อ สมาร์ท ที่มีหัวใจอยากที่จะช่วยเหลือสังคม พัฒนาประเทศชาติ โดยจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ในกาประชาสัมพันธ์ ดังนี้คือ

1. ให้ผู้เข้าประกวดได้รวมกันกระตุ้นขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาให้กลับมาดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 

2. เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์เมืองพัทยา จะมีการทำแคมเปญต่างๆ ลงโซเชียลมีเดีย facebook  instagram tiktok และกระจายออกไปสู่ภาครัฐและเอกชนมากที่สุด (จากผู้เข้าประกวด 77 คน 77 จังหวัด) 

                          การประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามในครั้งนี้ จะการเก็บตัวในวันที่ 18-19 มีนาคม 2565  และรอบตัดสินในวันที่ 20 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าเช็นทรัล พัทยา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

ติดตามกันครับว่าใครจะเป็นสุภาพบุรุษถิ่นสยามคนแรกของประเทศไทย

#mistersiam 2022 

#สุภาพบุรุษถิ่นสยาม 2565 

#หนุ่มหล่อพร้อมใช้ 77 จังหวัด 

#ThePerfecrtGentleman

#สุภาพบุรุษไทยพร้อมใช้ทุกสถานการณ์

#สุภาพบุรุษไทยสู่สากล

ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลโอด ซื้อแพงขายถูกยอมขาดทุน หลังโอมิครอนพ่นพิษ

ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลโอด ซื้อแพงขายถูกยอมขาดทุน หลังโอมิครอนพ่นพิษ 

                     จากการลงพิ้นที่บริเวณขายสลากกินแบ่งรัฐบาลบริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร ของผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ปรากฎว่า ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยต้องแบกรับภาระขาดทุนจากต้นทุนสลากที่ซื้อมาแพง แต่ต้องยอมขายในราคาถูก เพื่อรักษาโค้วต้าสลากฯไว้ การระบาดอีกครั้งของเชื้อโควิด "โอมิครอน" ยังกระทบกับผู้ค้าสลากรายย่อยในแต่ละงวด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงอยากให้มีการแก้ไขสัดส่วนกำไรจากต้นทาง เพื่อให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถประกอบอาชีพนี้ต่อไปได้

                     ผู้ค้าสลากรายย่อยหลายราย บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร เกือบทุกแผงมีการติดป้ายขายสลากในราคาใบละ 55 บาท ในหมวดเลขไม่สวย ส่วนในหมวดตัวเลขที่นิยมกันราคาขายยังเป็นไปตามกลไกของตลาด ที่มีราคาต้นทุนสูงอยู่มาอย่างต่อเนื่อง

                      แม่ค้าขายลอตเตอรี่ย่านสี่แยกคอกวัวรายหนึ่งยอมรับว่า ต้องแบกภาระขาดทุนมาแล้วหลายงวด ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 เรื่อยมา ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลน้อยลง การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลมีการแข่งขันกันมากขึ้น ช่องทางซื้อขายแพลตฟอร์มออนไลน์ยังส่งผลถึงผู้ค้าสลากที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ที่ต้องแบกภาระขาดทุนมาโดยตลอด เพื่อรักษาโค้วต้าและเครดิตตัวเองไว้ การแก้ไขปัญหาราคาจากต้นทางให้ถูกลง จะเป็นธรรมกับผู้ค้ารายย่อยให้มีอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว


                      ปรากฎการณ์ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาเพียงใบละ 55 บาทเท่านั้น จากราคาต้นทุนที่ออกจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลใบละ 70 บาท 40 สตางค์ ผู้ค้าต้องยอมขาดทุนหลายงวดติดต่อกัน นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนนโยบายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกมาหลายรูปแบบ หวังแก้ปัญหาราคาต้นทุนสลากแพง กลับยิ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาดค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กระทบกับหลายองค์กร หลายสมาคมที่เป็นคู่ค้ากับสำนักงานสลากฯ จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ได้ตามเป้าที่ควรจะเป็น

                      การแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การปรับลดราคาจากต้นทางน่าจะเป็นการคืนกำไรให้กับประชาชนโดยส่วนรวมอย่างแท้จริง เป็นการช่วยราชเสริมรัฐ โดยทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลย่านสี่แยกคอกวัวรายหนึ่งว่า ปัจจุบันราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลตกลงไปอยู่ที่ใบละ 50 บาท ต้องฝืนทนยอมขาดทุน ซื้อแพงขายถูก

                  

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จับมือ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ประกาศความร่วมมือด้านคอร์สออนไลน์พัฒนาทักษะ Upskill Reskill ยกระดับแรงงานไทย ดึงการลงทุนจากต่างชาติใน Smart City และ EEC

บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จับมือ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ประกาศความร่วมมือด้านคอร์สออนไลน์พัฒนาทักษะ Upskill Reskill ยกระดับแรงงานไทย ดึงการลงทุนจากต่างชาติใน Smart City และ EEC


 

                   บริษัท บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จำกัด หรือ BIH ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและคอร์สออนไลน์ Upskill Reskill สำหรับองค์กรและประชาชนทั่วไปเพื่อตอบโจทย์ Thailand 4.0 ได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด เป็นบริษัทในเครือข่ายของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้นำด้านการดูแล พัฒนา และการจัดการในนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้


                ดร. ผาณิต เสรีบุรี CEO บริษัท บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “ในสมัยก่อนนั้น ประเทศไทยนับว่าเป็น ประเทศ ที่จัดอยู่ในลำดับต้นๆของประเทศน่าลงทุน มักจะอยู่ในลิสก์ที่ชาวต่างชาติประเมินเพื่อมาลงทุน เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบทางด้านที่ตั้ง การสนับสนุนจากภาคต่างๆ และ ความสามารถของแรงงานไทย แต่ในช่วงหลัง 3-5 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศต่างๆ รวมถึง ประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการพัฒนากันอย่างรวดเร็ว มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนมากมายเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศนั้นๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาประสิทธิภาพและความสามารถของแรงงานและบุคลากรต่างๆ ในประเทศให้ก้าวหน้าอย่างเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างๆสนใจ และย้ายฐานการลงทุน และการผลิตออกจากประเทศไทยมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยโดยไม่ทำอะไร จากที่เราเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของการลงทุนนั้น อาจจะทำให้ประเทศไทยค่อยๆ หลุดออกจากเป้าหมายการลงทุนของต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งทาง BIH เองได้เล็งเห็นถึงจุดนี้ และอยากที่จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะพัฒนาบุคลากรต่างๆ รวมถึงแรงงานในประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้กับทางอมตะ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งจะเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเรากลับเข้าสู่เป้าหมายหลัก และเป็นอันดับต้นๆ ในเวทีนานาชาติอีกครั้ง ”



                     ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวความร่วมมือสำคัญ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแรงงานไทยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ และเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Smart city ของอมตะแลัว ทางบางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จะเข้ามาช่วยเสริมในมุมของ Smart Education and Lifelong learning Platform โดยร่วมกันให้บริการคอร์สออนไลน์ภายใต้แบรนด์ Achieve Plus มุ่งพัฒนาทักษะดิจิทัลและทักษะการทำงานยุคใหม่ รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล Digital HR ครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง โดยจะเน้นการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรขององค์กรต่างๆ ในนิคม  ให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Hard skill ต่างๆ เพื่อประสิทธิภาพด้านการทำงานในปัจจุบัน รวมไปถึง Soft skill เพิ่มศักยภาพของบุคลากร และขยายผลไปในส่วนทักษะเพื่ออนาคต Future skill ต่อไป เพื่อรองรับและตอบสนองโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนี่จะเป็นก้าวสำคัญ ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดแรงงานของประเทศไทยในพื้นที่ EEC ให้สามารถต่อสู้ในระดับนานาชาติได้ต่อไปในอนาคต


สทท. ปรึกษาหารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนการลงนามร่วมกัน

สทท. ปรึกษาหารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนการลงนามร่วมกัน

                                            

                       นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) ร่วมปรึกษาหารือกับว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตัวแทนนายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนลงนามร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการบริหาร สทท. อาทินางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท., นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธาน สทท., นายกฤษณ์ จิระมงคล ผู้ช่วยประธาน สทท. และนายกสมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ, นายยุพราช วงศ์ดาวกูล ผู้ช่วยประธาน สทท.และประธานชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย, นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ กรรมการบอร์ด สทท. และผู้บริหารกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมปรึกษาหารือด้วย ณ ห้องประชุมอัมพร จุณณานนท์ ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เมื่อวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565                                                     





                       การปรึกษาหารือในครั้งนี้ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กับ ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งคณะกรรมการบริหาร ได้กล่าวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ โดยมีแผนในการพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกันในหลายๆ ประเด็น รวมถึงแผนการพัฒนาฝีมือแรงงานหลักสูตรพนักงานผสมเครื่องดื่ม และการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาท่องเที่ยวและบริการ การพัฒนาศักยภาพให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ  บูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้แก่วิทยากร บุคลากรฝึก อาคารสถานที่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้วิทยาการ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการจัดส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาท่องเที่ยวและบริการ และได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานดังกล่าว รวมทั้งทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่นักศึกษาหรือกำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน




โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพในด้านทักษะฝีมือและผลิตภาพให้เพียงพออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบกิจการ รองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทักษะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engines of Growth) และรองรับการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0

              พร้อมกันนี้ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และตณะกรรมการบริหาร สทท. ก็ได้อวยพร ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องในโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่ปี 2565 ด้วย

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนเทศบาลเมืองแก่งคอย พร้อมมอบทุนการศึกษาใ้ห้นักเรียน 100 ทุน

รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนเทศบาลเมืองแก่งคอย พร้อมมอบทุนการศึกษาใ้ห้นักเรียน 100 ทุน



            นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชน เทศบาลเมืองแก่งคอย สำนักงานเทศบาลเมืองแก่งคอย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยมีนางอังคณา ชิตะติติต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายปรพล อดิเรกสาร คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อดีต ส.ส สระบุรี  นายสมบัติ อำนาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรีเขต 2 นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย นายสมชาย วรกิจเจริญผล นายกเทศมนตรีเมืองแก่งคอย นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวศิริญาพร รุ่งสุข เลขานุการกรม สำนักงานสถิติแห่งชาติ นางรภัสศา พฤฒากรณ์ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการสถิติและวางแผน รักษาราชการแทนสถิติจังหวัดสระบุรีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ไปรษณีย์จังหวัดสระบุรีประธานชุมชน 16 ชุมชน อำเภอแก่งคอย อำเภอมวกเหล็ก อำเภอวังม่วง อำเภอวิหารแดงประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565

          นายสมชาย วรกิจเจริญผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแก่งคอย กล่าวรายงาน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของศูนย์ดิจิทัลชุมชนเทศบาล วัตถุประสงค์ของการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ CTจึงได้เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนเทศบาลเมืองแก่งคอยไว้ให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนได้ใช้บริการ พร้อมมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน 100 ทุนและเยี่ยมชมการสาธิตกิจกรรมและนิทรรศการภายในศูนย์ดิจิทัลชุมชนใช้เน็ตประชารัฐ และบริการด้านดิจิทัลและการสื่อสารในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) การส่งเสริมด้านการค้าออนไลน์ในชุมชนจังหวัดสระบุรี และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

    

     จากนั้นคณะเดินทางไปที่วัดแก่งคอย เพื่อเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดแก่งคอยได้ยอดผ้าป่าในครั้งนี้จำนวน 110,000 บาท 

คลีนิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรีเผย 11 ข้อ ต้องรู้ เมื่อสาว 35+ อยากเป็นคุณแม่

คลีนิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรีเผย 11 ข้อ ต้องรู้ เมื่อสาว 35+ อยากเป็นคุณแม่

        ช่วงเทศกาลแห่งความรักคู่รักหลายต่อหลายคู่มักถือโอกาสใช้ฤกษ์หวานๆ เช่นนี้จดทะเบียนสมรส เริ่มต้นชีวิตคู่ ทว่าก่อนจะเริ่มต้นครอบครัวน้อยๆ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงาน โดยเฉพาะปัจจุบันอายุเฉลี่ยของเจ้าสาวอยู่ที่ 35-38 ปี การตรวจสุขภาพแบบ Pre-Screening จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมของทั้งบ่าวสาวตั้งแต่ระดับฮอร์โมน สภาวะมดลูกและรังไข่ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของน้ำเชื้อฝ่ายชาย เพื่อเพิ่มโอกาสของการมีบุตรมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้สามารถตรวจสุขภาพเจาะลึกถึงรหัสพันธุกรรม โดยที่ "คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรี" (Fertility and Women Wellness Clinic) จะทำงานร่วมกับ “คลินิกดูแล ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ” (Regenerative Wellness Clinic) เป็นการควบรวมทั้งการเจริญพันธุ์และการดูแล ป้องกัน ฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนสุขภาพเฉพาะบุคคลของว่าที่คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เพียงแค่มีบุตรเท่านั้น แต่ยังทำให้มีสุขภาพดีก่อนจะมีบุตร เช่น ต้องเตรียมตัว ต้องบำรุงหรือรับอาหารกลุ่มไหนเป็นพิเศษ รวมทั้งการเสริมในส่วนของวิตามินส่วนบุคคล เป็นต้น ทำให้ Fertility and Women Wellness Clinic หนึ่งในคลินิกเฉพาะทางที่ BDMS Wellness Clinic ได้รับรางวัล Fertility Medical Centre of the Year in the Asia-Pacific 2021 จาก Global Health and Travel Magazine

              นพ.พูลศักดิ์ ไวความดี ผู้อำนวยการคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากและส่งเสริมสุขภาพสตรี (Fertility and Women Wellness Clinic) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการเจริญพันธุ์ BDMS Wellness Clinic กล่าวว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องการทำงาน การวางแผนสร้างครอบครัว แต่ลืมไปว่าการวางแผนมีบุตรมีความสำคัญไม่แพ้กัน  

         อย่าลืมว่าวันและเวลาผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆ นั้น ตั้งแต่แรกเกิดจะมีไข่ในรังไข่จำนวนมากเกือบ 4-5 แสนฟอง และจะลดลงทั้งปริมาณและคุณภาพตามปัจจัยต่างๆ ของร่างกาย การบำรุงรักษาคุณภาพของไข่จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในผู้หญิง โดยช่วงเวลาของวัยเจริญพันธุ์อยู่อายุระหว่าง 20-35 ปี การวางแผนมีบุตรจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่นบางคนที่ไม่ได้ตั้งใจโสด แต่สนุกกับการทำงาน ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี กว่าจะนึกได้ก็อายุขึ้นหลัก 3 แล้ว ส่วนหนุ่มๆ แม้ว่าวัยทองจะมาถึงช้ากว่า แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นผลให้ตัวอสุจิไม่แข็งแรงก็มีไม่น้อยเช่นกัน

             การเตรียมตัวมีบุตรต้องทราบว่าสุขภาพของทั้งคู่มีปัญหาอะไรที่จะส่งผลต่อรังไข่และลูกอัณฑะหรือไม่อย่างไร ซึ่งที่ Fertility and Women Wellness Clinic มีเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถตรวจวิเคราะห์ร่างกายเชิงลึกถึงรหัสพันธุกรรม 

                  “Fertility and Women Wellness Clinic ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่นเครื่อง Hamilton Thorne IVOS II ใช้ตรวจวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของอสุจิ รูปร่างความผิดปกติต่างๆ รวมถึงยังสามารถวิเคราะห์ถึงการแตกหักของหัวอสุจิ (DNA Fragmentation) หรือในขั้นตอนของการคัดเลือกอสุจิสำหรับทำ IVF/ICSI/IUI เราใช้เทคนิคที่เรียกว่า MACs Sperm (Magnetic activated cell sorting Sperm) ในการคัดเลือกอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ และได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้นอีกด้วย

              ในส่วนของการตรวจสุขภาพเชิงลึก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการวางแผนการมีบุตรและป้องกันการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมจากรุ่นพ่อแม่สู่ลูก เรียกว่า "การตรวจดีเอ็นเอ" จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับวางแผนปรับพฤติกรรมในแบบเฉพาะบุคคล ช่วยลดความเสี่ยงมีบุตรที่มีภาวะผิดปกติ เช่นเมื่อทราบว่าคู่สมรสเป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมียก็สามารถวางแผนป้องกัน ให้โรคธาลัสซีเมียหยุดลงแค่ที่พ่อแม่ ไม่ถ่ายทอดไปยังลูก รวมถึงกรณีคนที่มีประวัติแท้งบ่อย พบว่าร้อยละ 90 ของการแท้งเกิดจากดีเอ็นเอของตัวอ่อนมีความผิดปกติ ทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์หยุดก่อนครบกำหนด ฉะนั้น ประโยชน์ของการวางแผนครอบครัวคือ หมดกังวลว่าลูกที่ออกมาผิดปกติหรือไม่

              อย่างไรก็ตาม การวางแผนมีบุตร นพ.พูลศักดิ์ ไวความดี ผู้อำนวยการคลินิกฯ แนะนำว่า ควรมีเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนเพื่อการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน โดยการปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การรับประทานอาหาร นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การดูแลสภาพร่างกายและจิตใจ รวมทั้งเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อการเตรียมตัวอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ 11 ข้อ “ต้องรู้” ในการเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร มีดังนี้... 

1. เข้ารับการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งตรวจสุขภาพคู่สามี ภรรยา เพื่อเตรียมความพร้อม รวมทั้งประเมินความเสี่ยงในด้านต่างๆ 

2. รับประทานอาหารที่หลากหลาย ครบหมู่ อาหารบางอย่างสามารถกระตุ้นรังไข่ และสเปิร์ม เช่น กลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมาก คือตระกูลเบอร์รี่ อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น อะโวคาโด ถั่วต่างๆ น้ำมันมะกอก 

3. หลีกเลี่ยงของหวาน การที่รับประทานของหวานมากเกินไปจะทำให้ร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งมีโอกาสทำให้ไข่ตก หรือรังไข่ทำงานลดลง 

4. ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับมาตรฐาน พบว่าคนที่อ้วนมักมีปัญหาไข่ไม่ตก

5. การนอนหลับให้มีคุณภาพ โดยเข้านอนไม่เกิน 22.00 น. และนอนหลับให้ได้ประมาณ 8-9 ชั่วโมง/วัน

6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน

7. การดูแลสุขภาพใจเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ภาวะเครียดทำให้ปริมาณไข่และอสุจิลดลง 

8 สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ คือ ธาตุเหล็ก โปรตีน กรดโฟลิคหรือโฟเลต วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี รวมทั้งวิตามินดีจากแสงแดด

9. ตรวจสภาพมดลูกและรังไข่ว่าไม่มีการอักเสบ เพราะการผลิตไข่ในแต่ละครั้งคุณภาพขึ้นกับสุขภาพเจ้าของรังไข่

10. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ทั้งมือหนึ่ง (Firsthand Smoke) และมือสอง (Secondhand Smoke) ก่อนตั้งครรภ์ 3-6 เดือน

11. ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยการเจริญพันธุ์หรือการมีบุตรทางวิทยาศาสตร์ (IVF: In-vitro Fertilization) หรือ อิกซี่ (ICSI : Intracytoplasmic Sperm Injection: ICSI) เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการมีบุตร เพราะการจะมีบุตรที่แข็งแรงสมบูรณ์ ต้องเริ่มต้นที่พ่อแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงก่อน



สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่  ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ชมการแสดงงิ้ว...