วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566

บพท. จับมือ มหาวิทยาลัย ชู ซอฟต์ พาวเวอร์ ผ่านมหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง พร้อมเปิดตัวระบบฐานข้อมูลและแผนที่วัฒนธรรม หวังหยั่งรากสำนึกท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

บพท. จับมือ มหาวิทยาลัย ชู ซอฟต์ พาวเวอร์ ผ่านมหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง 

พร้อมเปิดตัวระบบฐานข้อมูลและแผนที่วัฒนธรรม 

หวังหยั่งรากสำนึกท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง : จากงานวิจัยสู่การพัฒนาพื้นที่ พร้อมเปิดตัวระบบฐานข้อมูลและแผนที่วัฒนธรรมของประเทศไทย โดยมี ศ.ดร.วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง หัวหน้าโครงการมหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง : จากงานวิจัยสู่การพัฒนาพื้นที่ กล่าวรายงาน พร้อมการเสวนาในหัวข้อ: “บทบาทของมหาวิทยาลัยกับพันธกิจที่ 4 : การขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาพื้นที่” โดย ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาการขับเคลื่อนวิทยสถาน "ธัชภูมิ" เพื่อการพัฒนาพื้นที่, ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.), รศ.ดร. ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ผศ.ดร.ชุตินันท์ ประสิทธิ์ภูริปรีชา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  และเสวนา หัวข้อ: ฟื้นใจเมืองด้วยภาคีเครือข่ายทุนทางวัฒนธรรม โดย คุณวาโย ด่านไทยวัฒนา นายกเทศมนตรีตำบลแม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย, คุณอภิวรรต์ สิกะคาร ผู้ประกอบการท่องเที่ยว พ่อครัวประจำมัสยิดซาฮีปากีสถาน อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา, คุณสุนิดดา จงวิบูลย์ ประธานกลุ่มฝ้ายฮักคราม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี และคุณยุ สีทอง นักกิจกรรมเยาวชนและ YouTuber ชาวกะเหรี่ยงโผล่ว อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี รวมทั้งเปิดตัวระบบฐานข้อมูลแผนที่วัฒนธรรมของประเทศไทย : จาก Cultural Mapping สู่ Cultural Atlas และ Cultural Metaverse Thailand โดย ดร.วรงค์ นัยวินิจ, ผศ.ดร.สุทัศน์ กำมณี, อาจารย์ ชนกฤต มิตรสงเคราะห์, อาจารย์ วรากร ราชธา และดร.ณรงค์เดช รัตนานนท์เสถียร ณ ห้องซาลอน เอ ชั้น 2 โรงแรมสวิสโฮเต็ล รัชดา กรุงเทพฯ

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ 33 จังหวัด 41 สถาบัน หนุนเสริมพลังโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมภาคีเครือข่ายชุมชน ท้องถิ่น ศิลปิน และผู้ประกอบการวัฒนธรรม เดินหน้าจัดงาน“มหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง” 4 ภูมิภาค ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาสู่ซอฟต์ พาวเวอร์ จัดแสดงในงาน เพื่อหยั่งรากสำนึกท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมศิลปินและผู้ประกอบการวัฒนธรรม พร้อมโชว์ระบบฐานข้อมูลและแผนที่วัฒนธรรมของประเทศไทย เป็นแหล่งรวมสืบค้นต้นทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ

“มหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง 4 ภูมิภาค” สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย บพท. เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมและขยายผลการรับรู้ในวงกว้างถึงการพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมจาก “คุณค่าสู่มูลค่า” ทางเศรษฐกิจและสังคม ผ่านการออกร้านจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการวัฒนธรรม สาธิตและอบรมงานฝีมือ การแสดงของศิลปินท้องถิ่น นิทรรศการผลงานวิจัย แฟชั่นโชว์ การเสวนาระหว่างภาคีเครือข่าย พร้อมเปิดตัว Cultural Map Thailand ที่เชื่อมโยง 2,621 ชุดข้อมูลทุนทางวัฒนธรรมไว้ที่ www.culturalmapthailand.info ซึ่งจะพัฒนาไปสู่ระบบสารสนเทศ Cultural Atlas of Thailand ในอนาคตอันใกล้ และเชื่อมโยงไปสู่ Cultural Metaverse Thailand ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยโครงการวิจัยและจะเป็นระบบฐานข้อมูลด้านทุนทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า บพท. เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการสนับสนุนทุนวิจัย สำหรับการจัดสรรทุนวิจัยและนวัตกรรมภายใต้กรอบการวิจัย “มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่” มีมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดสรรทุนทั้งสิ้น 48 โครงการ กระจายใน 33 จังหวัดทั่วประเทศ และมีผลการดำเนินงานที่มีสัมฤทธิผลชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมที่ทำให้เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม คนตกงานคนคืนถิ่นจากผลกระทบของ COVID-19 และผู้สูงวัยมีงานทำ ลดช่องว่างระหว่างวัย คนรุ่นใหม่ตระหนักในคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรม เยาวชนมีโอกาสในด้านอาชีพและสร้างรายได้ ยกระดับรายได้ของผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เกิดการกระจายรายได้สู่เมืองรอง และชุมชนมีพื้นที่แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้วยผลลัพธ์เหล่านี้จากโครงการวิจัย บพท. เล็งเห็นว่าการสร้างการรับรู้ของสาธารณะต่อการสนับสนุนให้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นองคาพยพในการพัฒนาพื้นที่ จะนำมาซึ่งความเข้มแข็งของชุมชนในหลากหลายมิติ การจัด “มหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง : จากงานวิจัยสู่การพัฒนาพื้นที่” ใน 4 ภูมิภาค จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ชุมชน ท้องถิ่น ศิลปินพื้นบ้าน ช่างฝีมือท้องถิ่น ผู้ประกอบการวัฒนธรรม ภาคีเครือข่ายและมหาวิทยาลัยที่ได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนของการพัฒนาพื้นที่จากฐานทุนทางวัฒนธรรมได้จัดแสดงและเฉลิมฉลองอัตลักษณ์ศักดิ์และศรีของทุนทางวัฒนธรรมในงานมหกรรมนี้ และเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมนำเสนอและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทางวัฒนธรรมอันเป็นผลผลิตจากงานวิจัยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมเปิดตัว Cultural Map Thailand ที่จะพัฒนาไปสู่ Cultural Atlas of Thailand และตัวอย่าง Cultural Metaverse Thailand ที่ 48 โครงการวิจัยกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นผู้ขับเคลื่อนและประสานงานโครงการ

ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาการขับเคลื่อนวิทยสถาน "ธัชภูมิ" เพื่อการพัฒนาพื้นที่ บุคคลสำคัญผู้ริเริ่มการพัฒนาพื้นที่ผ่านฐานทุนทรัพยากรด้านวัฒนธรรม กล่าวว่าทุนทางวัฒนธรรมถือเป็น “ขอบฟ้าใหม่ของการพัฒนาประเทศ” การฟื้นใจเมืองคือการสนับสนุนให้ทุนทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษหรือที่เป็นวิถีชีวิตที่ดำเนินมายาวนานเป็นฐานทุนที่มีอยู่ในทุกคนทุกครอบครัวสามารถเผยร่างสร้างสำนึกท้องถิ่นสร้างงานสร้างรายได้จากฐานทุนที่มีอยู่โดยไม่ต้องซื้อหาหรือนำเข้าจากแหล่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญา ศิลปะ หัตถกรรม ประเพณี พิธีกรรม การกินการอยู่ การละเล่น การแสดง ฯลฯ การสนับสนุนให้เจ้าของทุนทางวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ได้นำสิ่งที่ตนมีติดตัวมาปัดฝุ่น พัฒนา และสร้างนวัตกรรม โดยมีมหาวิทยาลัยนำองค์ความรู้มาทำหน้าที่เป็นประหนึ่ง “หุ้นส่วน” ของทุนทางวัฒนธรรมในทุกพื้นที่จะกลายเป็นขอบฟ้าใหม่ของการพัฒนาประเทศที่สร้างสมดุลแห่งความยั่งยืนของชุมชน ชุมชนสามารถพึ่งตนเอง มีภูมิคุ้มกันจากการรุกคืบของทุนนอกพื้นที่ ผลกระทบที่ได้จะมากกว่าผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำมาซึ่งความสุขและความภาคภูมิใจในรากฐานทางวัฒนธรรม สำนึกรักษ์ท้องถิ่น และสำนึกสิ่งแวดล้อมของชุมชน การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ฐานทุนนี้รวมถึงหนุนเสริมทักษะฝีมือเฉพาะของศิลปิน ช่างฝีมือท้องถิ่น และเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการวัฒนธรรมจำนวนมากในประเทศ

งาน “มหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง : จากงานวิจัยสู่ การพัฒนาพื้นที่” ในแต่ละภูมิภาคจะมีไฮไลท์และรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไปตามมนต์เสน่ห์ของทุนทางวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยมีกำหนดการจัดงาน ได้แก่ 

ภาคใต้ วันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ภาคเหนือ วันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณอาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 10-12 มีนาคม 2566 บริเวณถนนคนเดิน เลียบแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี 

ภาคกลาง วันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 บริเวณชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ถ.เยาวราช กรุงเทพฯ 


50 ปี ส.ส.ท. เผยกลยุทธ์ปี 2566 ผลักดันธุรกิจไทยให้แข็งแกร่ง สู้ตลาดโลก แนะติดอาวุธทางปัญญา เพิ่มทักษะให้บุคลากร นำพาองค์กรรอดพ้นจากทุกวิกฤตใหญ่ พร้อมขยายแพลตฟอร์มใหม่หลายบริการ เพื่อรองรับการ Reskill / Upskill ของบุคลากรภาคธุรกิจยุคใหม่

50 ปี ส.ส.ท. เผยกลยุทธ์ปี 2566 ผลักดันธุรกิจไทยให้แข็งแกร่ง สู้ตลาดโลก

แนะติดอาวุธทางปัญญา เพิ่มทักษะให้บุคลากร นำพาองค์กรรอดพ้นจากทุกวิกฤตใหญ่

พร้อมขยายแพลตฟอร์มใหม่หลายบริการ เพื่อรองรับการ Reskill / Upskill  ของบุคลากรภาคธุรกิจยุคใหม่

            สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท. ในฐานะองค์กรชั้นนำแถวหน้าของประเทศไทย ศูนย์รวมวิทยาการองค์ความรู้ต่าง ๆ จากประเทศญี่ปุ่น ในด้านการพัฒนาองค์กร ทรัพยากรมนุษย์ สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเข้มข้น เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศให้พร้อมสู่การแข่งขันบนเวทีสากล 

             ในวาระพิเศษครบรอบ 50 ปี การก่อตั้ง และก้าวย่างสู่ปีที่ 51 นี้ ส.ส.ท. ตอกย้ำการเป็นผู้นำความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเผยแพร่และถ่ายทอดให้กับบุคลากรไทย เพื่อช่วยสร้างฐานเศรษฐกิจพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศให้เข้มแข็งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังร่วมผลักดันแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ด้วยการจัดงานเสวนาทางวิชาการภายใต้คอนเซ็ปต์ “INSPIRE OUR FUTURE” ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนยุคใหม่ เสริมศักยภาพ ในการร่วมสร้างอนาคตผ่านเทคโนโลยี และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกฯ

                 ผศ. ประยูร เชี่ยววัฒนา นายกสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท. กล่าวว่า ทิศทางของ ส.ส.ท. ต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ยังคงยึดมั่น และดำเนินรอยตามอุดมการณ์ที่มีส่วนขับเคลื่อนภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้า เติบโต มั่นคง และยั่งยืนเสมอมา โดยได้กำหนดแผนกลยุทธ์บริหาร 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเสริมสร้างสมาคมฯ ให้แข็งแกร่งในทุกด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในระยะยาว โดยปรับองค์กรให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พนักงานพร้อมเรียนรู้ และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อรับมือกับการ Disrupt ทางเทคโนโลยี และสามารถตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ต่อมา ด้านการขยายเครือข่าย และสร้างพันธมิตร เพื่อสร้างและขยายกิจการของสมาคมฯ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของนิเวศน์ธุรกิจ และปัญหาโครงสร้างประชากรของประเทศ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมไทยปรับตัวและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายขององค์กร และตอบสนองนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐได้

              ทั้งนี้ ยังมีในด้านการพัฒนา และยกระดับไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่น ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่หลายบริการ เพื่อรองรับการ Reskill / Upskill ของบุคลากร รวมไปถึงการเรียนภาษาออนไลน์ ได้แก่ HRD Digital Platform, TPA Eduway มีโครงการทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ (PT Provider), โครงการ Smart Monodzukuri ที่พัฒนาระบบการผลิตจาก Analog สู่ Digital ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และสุดท้ายด้านการสร้างการรับรู้ เสริมสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของสมาชิก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมฯ เพื่อขยายฐานสมาชิกของสมาคมฯ ให้กลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้นทั้งในช่วงอายุของสมาชิกและกลุ่มผู้ประกอบการที่ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

“ซึ่งการขยายบริการต่าง ๆ ของ ส.ส.ท. ที่คงแนวคิดการยกระดับมาตรฐานองค์ความรู้ทั้งหลักสูตรดั้งเดิมที่เป็นพื้นฐานในการทำงานแล้ว ยังเป็นองค์กรที่ร่วมผลักดันแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยพัฒนาระบบที่ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ เพื่อรองรับการเพิ่มทักษะของบุคลากรให้กับภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม นอกจากนั้น ยังนำองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ทันสมัย เช่น Smart Monodzukuri, Connected Industries Open Framework (CIOF), Renkei Control มาเผยแพร่เพื่อตอบสนองต่อแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการผลิต ซึ่งถือเป็นการรับมือกับภาวะโลกรวน (Climate Change) ของผู้ประกอบการในยุคปัจจุบันที่ต้องการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” 

              ผศ. ประยูร เชี่ยววัฒนา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ส่วนอีกหนึ่งบทบาทที่ไม่ละเลย นั่นคือ การเป็นองค์กรเพื่อสังคม (Social Enterprise) นอกจากการให้บริการแก่ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมแล้ว ส.ส.ท. ยังมีกิจกรรม CSR ที่จัดขึ้นประจำทุกปี ได้แก่ งานประกาศผลรางวัลคุณภาพ Thailand Quality Prize, Thailand Kaizen Award, Thailand 5S Award, Thailand Lean Award,  และ KANO Quality Award เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม ต่อมาเป็นกิจกรรมที่เป็นเวทีแข่งขันทักษะด้านสร้างสรรค์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการประดิษฐ์หุ่นยนต์ของเยาวชน ได้แก่ การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ยุวชน และการแข่งขัน ส.ส.ท. PLC Competition ซึ่งทางสมาคมได้ดำเนินการจัดการแข่งขันมานานกว่า 30 ปี ทั้งนี้ ยังมีการเผยแพร่วิทยาการด้านต่าง ๆ ผ่านการฝึกอบรม โดยเชิญบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม เข้าร่วมฝึกอบรมกับภาคอุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเพื่อคุณประโยชน์แก่สังคม ได้แก่ การจัดกิจกรรมวิ่งการกุศล การบริจาคทุนการศึกษา การบริจาคหนังสือแก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร การปลูกป่า ฯลฯ”

             สำหรับ บรรยากาศภายในงานสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “Lifelong Learning & Climate Change : อาวุธไม่ลับ แต่รับมือได้ทุกวิกฤติ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นั้น ได้รับเกียรติจาก 4 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ดร. สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA), ดร. วิโรจน์ จิรพัฒนกุล ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Skooldio, ดร. การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ ดร.สุรชา อุดมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรมและรองผู้จัดการใหญ่ New Business บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวทาง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมี ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจ วานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นผู้ดำเนินงานเสวนา ท่ามกลางบรรดาแขกผู้มีเกียรติร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 300 ท่าน อาทิ ฯพณฯ นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย, Mr. SATO Masafumi, ศ.ดร. ไพศิษฐ์ พิพัฒนกุล อดีตนายกสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น), ผู้แทนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม, ผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม, ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ผู้แทนจากหอการค้า ฯลฯ ซึ่งทางแขกผู้มีเกียรติในงานต่างได้รับแนวทางดีๆ ในการนำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากมาย

                 นอกจากนี้ ยังมีการประกาศจุดยืนที่สำคัญของ ส.ส.ท. ในการตื่นตัวรับรู้กับสถานการณ์สำคัญที่กำลังใกล้มาถึง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดการใช้พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดตั้ง โครงการ Thailand-Japan Decarbonization Initiatives (TJDI) เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศที่ช่วยผลักดัน และให้การส่งเสริมองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร และองค์กรต่าง ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้ง CO2 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon neutrality และ การปล่อยก๊าชเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net zero emissions

             และการมอบรางวัล “TPA Top Performance Awards 2023” ให้แก่ 4 บริษัท ซึ่งผ่านเกณฑ์การตัดสิน ในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีผลงานดีเด่นในด้านการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีคุณภาพ รวมถึงมีผู้บริหารที่ตระหนักถึงความสำคัญในการประยุกต์ใช้ระบบการบริหารงานทั่วทั้งองค์กรจนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ บริษัท เชียงใหม่ เบเวอเรช จำกัด โดยมีคุณประโภชน์ เกิดเจริญ เป็นตัวแทนรับ, บริษัท ซีพีแรม จำกัด (ลาดหลุมแก้ว) มีคุณสาธิต แสงเรืองอ่อน เป็นตัวแทนรับ, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ศูนย์กระจายสินค้า RDC ลำพูน มีนายนิเวศ พิชยานนท์ เป็นตัวแทนรับ และบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) (ลำพูน) มีคุณวิชัย สุขประเสริฐกุล เป็นตัวแทนรับ



              ตลอดระยะเวลา 50 ปี ส.ส.ท. ได้ดำเนินกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง ในการส่งเสริมขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยทั้งประเทศ ด้วยการเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมความรู้ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเผยแพร่ และถ่ายทอดให้แก่บุคลากรไทย ผ่านกิจกรรม และการดำเนินงานต่างๆ มากมายสู่ภาคอุตสาหกรรม จนทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งในวงการธุรกิจ และอุตสาหกรรม รวมทั้งหน่วยงานราชการต่าง ๆ และสำหรับก้าวต่อไป ส.ส.ท. ยืนยันที่จะยึดถือเจตนารมณ์เดิมในการเป็นผู้ส่งเสริมความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเผยแพร่และถ่ายทอดให้แก่บุคลากรไทย เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศสืบไป ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “ส.ส.ท. มุ่งที่จะเป็นผู้นำในการสั่งสม สร้าง และเผยแพร่วิทยาการ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย” 

ติดตามข่าวสารของทาง ส.ส.ท. ได้ที่ https://www.tpa.or.th/

#TPA #50thAnniversaryTPA #สสท #สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทยญี่ปุ่น



วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

CP LAND แจกใหญ่ แจกจริง รับปีกระต่ายทอง งานมหกรรมบ้านและคอนโด CP LAND ครั้งที่ 2 มอบรางวัลใหญ่คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท บ้านเขาใหญ่” และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

CP LAND แจกใหญ่ แจกจริง รับปีกระต่ายทอง งานมหกรรมบ้านและคอนโด CP LAND ครั้งที่ 2

มอบรางวัลใหญ่คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท บ้านเขาใหญ่” และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

            นายกนธีร์ ติรวิภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ (คนกลาง) บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND นาย นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน (คนที่ 3 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการงานบริหารคอนโดฯและสำนักงานให้เช่า CP LAND นางสาวเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ (คนที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์ CP LAND ร่วมจับรางวัลงานมหกรรมบ้านและคอนโดบนทำเลศักยภาพกว่า 25 โครงการทั่วประเทศกับ CP LAND ครั้งที่ 2 เพื่อแทนทุกคำขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในคุณภาพสินค้าของทาง CP LAND มอบโชคใหญ่รับปีใหม่ 2566 รางวัลใหญ่ “คอนโดมิเนียม บ้านเขาใหญ่” รถจักรยานยนต์ และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 2.7 ล้านบาท ณ ลานฟอร์จูนสตรีท หน้าศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์

            ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ 1  คอนโดตากอากาศ โครงการบ้านเขาใหญ่ ขนาด 32.88 ตร.ม. ได้แก่ คุณชนินทร  อักษรวงศ์  โครงการ ทัสคานี ประชาร่วมใจ (เฟส 5)

รางวัลที่ 2  รถจักรยานยนต์ YAMAHA Fino 125 ได้แก่ คุณสมใจ  จิตมงคลทอง โครงการ พาร์ค 

คอนโด ดรีม ลำปาง, คุณนิราวัลย์  พิลาด โครงการ พาร์ค คอนโด ดรีม พิษณุโลก, คุณพัชรพร

เจริญ  โครงการ ทัสคานี ประชาร่วมใจ (เฟส 3) และคุณฉัตรสุมา  แซ่อั้ง โครงการ พาร์ค คอนโด

ดรีม ตรัง

              ส่วนรายชื่อผู้โชคดี การจับรางวัล ครั้งที่ 6  ประจำเดือน  ธันวาคม  2565

รางวัลทองคำแท่งหนัก 1 บาท คือ คุณกฤษตฤณ พงศ์ภัทรพร โครงการ พาร์ค คอนโด ดรีม ตรัง

รางวัล สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy A03 (4+64GB) ได้แก่ คุณวีรชน แสงตะวัน โครงการ

กัลปพฤกษ์ แกรนด์ อุบลราชธานี, คุณอรอุมา ยงเกษมกุล โครงการ เดอะ คอร์ทยาร์ด ระยอง และ

คุณพงศ์ศิริ โพธราม โครงการ กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส พิษณุโลก

รางวัล บัตรกำนัลห้องพัก The Privilege Voucher โรงแรมฟอร์จูนฯ ได้แก่ คุณอลงกรณ์ มะโนชมภู

โครงการ กัลปพฤกษ์ มหาสารคาม (เฟส 2), คุณสุพัตรา ศรีอ่อนหล้า โครงการ กัลปพฤกษ์ แก

รนด์พาร์ค อุดรธานี, คุณลดารัตน์ ชวนธนปัญญา โครงการ กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส สกลนคร, คุณ

สุณานุช พันพิบูลย์ โครงการ เดอะ คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่, คุณสันติ เจริญวัย โครงการ พาร์ค

คอนโด ดรีม กาญจนบุรี และคุณชญาภา  ป้อมสถิตย์  โครงการ พาร์ค คอนโด ดรีม ลำปาง

#CPLAND #ซีพีแลนด์ #CPLandProperty #บ้านหลังแรก #บ้านเพื่อครอบครัว #อสังหาเพื่อลงทุน #มหกรรมบ้านและคอนโดบนทำเลศักยภาพจากซีพีแลนด์ #คอนโดเพื่อลงทุน #คอนโดพร้อมอยู่ #บ้านคุณภาพดี #ใครก็กู้ได้ #Home #Condominium #Condo #Townhome #CondoForInvest #Invest

เกี่ยวกับบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน)

            ซี.พี. แลนด์ หรือ CP LAND ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2531 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกอบด้วย 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจที่พักอาศัย บ้าน คอนโดมิเนียม 2. ธุรกิจอาคารสำนักงาน (ส่วนกลางและภูมิภาค) 3. ธุรกิจโรงแรม 4. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 5. ธุรกิจบริหารอาคาร 6. ธุรกิจพลังงาน 7. ศูนย์ประชุมไคซ์ – KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.cpland.co.th/home


ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป ตอกย้ำ ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เดินหน้าโครงการเวลเนสครบวงจรใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป ตอกย้ำ ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 

เดินหน้าโครงการเวลเนสครบวงจรใหญ่ที่สุดในเอเชีย



                    นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด หรือ TMG ร่วมลงนามสัญญาเช่าที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาของสมาคมเตชะสัมพันธ์กับ นายบุญเอี่ยม เตชะสำราญ นายกสมาคมฯ เพื่อก่อสร้างโครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก ณ สมาคมเตชะสัมพันธ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566



                   โครงการ Medical Wellness Center ระดับ World Class ที่ให้บริการดูแลสุขภาพองค์รวมในรูปแบบ Luxury Service ระดับ 6 ดาว โครงการจะพัฒนาบนแปลงที่ดินผืนงามบนถนนพระราม 3 ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปรียบเสมือนเส้นเลือด ใหญ่ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย และตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามบางกระเจ้าอันเป็นปอดกลางเมืองหลวงที่ดีที่สุดแห่ง เอเชีย โดยโครงการมีมูลค่ารวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568


 
                   โครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 จะเน้นในเรื่องของการดูแลสุขภาวะแบบ องค์รวมให้เหมาะสมในทุกช่วงวัย เพื่อชีวิตของผู้พักอาศัยให้มีชีวิตยืนยาว มีความสุขทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และ จิตวิญญาณ โดยพื้นที่ของโครงการบนเนื้อที่ 5 ไร่ ประกอบด้วย ส่วนอาคารที่พักอาศัย 52 ชั้น 376 ยูนิต, Medical Wellness Center, Fitness, ร้านอาหารชื่อดัง และภัตตาคารอาหารบนชั้นรูฟท็อป การตกแต่งเน้นความหรูหรา ด้วยวัสดุคุณภาพดีล้อมรอบด้วยสวนหย่อมรอบโครงการเพื่อความเป็นส่วนตัว ทุกห้องของโครงการออกแบบมาให้เห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดเน้นในเรื่องการให้ความสะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้พักอาศัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษที่ใช้รถเข็นให้เข้าถึงได้ในทุกพื้นที่ของโครงการ หรือที่เรียกว่า Universal Design


 
                   ในส่วนของ Medical Wellness Center นั้น เป็นศูนย์การแพทย์4 ชั้น ที่ให้บริการและดูแลสุขภาพแบบ องค์รวมแบบครบวงจร พร้อมทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลให้คำปรึกษาในทุกๆ มิติโดยที่นี่จะเป็นที่แรก และเป็นศูนย์กลางการดูแลเรื่อง Medical Wellness Center ประกอบด้วย ศูนย์บริการตรวจสุขภาพ, ศูนย์กายภาพบำบัด, ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น, ศูนย์สุขภาพผิวหนังและความงาม, ศูนย์สุขภาพสำหรับผู้ออกกำลังกาย (Physical, Spiritual, Phycological and Emotional, Exercise, Longevity and Ageing, Food, Traditional Thai Medicine) TeleHealth Care เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้าน Health Tech ที่พร้อมให้บริการโรงพยาบาลเสมือนแบบครบวงจร


 
                  ภายในโครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 ประกอบด้วย การให้คำปรึกษาโดย บุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบออนไลน์, การให้การดูแลสุขภาพที่บ้าน ตลอดจนการจัดส่งยาและ เวชภัณฑ์ถึงบ้าน เป็นบริการที่ตอบโจทย์และเติมเต็มคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย



                  นอกจากนี้ TeleHealth Care ได้ร่วมมือและสนับสนุนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสร้างนวัตกรรมเพื่อสุขภาพของบุคลากรอย่างยั่งยืนอีกด้วย ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ ประกอบด้วย ห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำพร้อม Hydro Therapy, ห้องประชุม, ห้องอ่านหนังสือ, ห้องชมภาพยนตร์, ห้องทำกิจกรรมพิเศษ, สปา และห้องเสริมสวย ให้ผู้พักอาศัยใช้งานได้ทั้งหมดในพื้นที่เดียว พร้อมทั้งรถและเรือรับส่งตามเส้นทาง และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

 


                  นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ 6 ดาวที่โครงการได้มอบให้แก่ผู้พักอาศัยแล้ว ทางโครงการยังมอบ บริการพิเศษที่มาพร้อมกับการเป็นลูกบ้านของโครงการ อย่างบริการ TeleHealth ที่พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้รับบริการคิดเสมอว่า TeleHealth คือเอารพไปไว้ที่บ้าน (จุดPR ของเรา)
 


                  นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ TMG กล่าวว่า“โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดูแลสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ช่วงวัย เพื่อดูแลรักษาสุขภาพกายและจิตใจ ให้แข็งแรง มีความสุข และมีชีวิตยืนยาว โดยเราให้บริการเสมือนอยู่โรงแรม 6 ดาว พร้อมกับการดูแลเรื่อง Wellness สุขภาพแบบองค์รวม 24 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าการออกแบบของเราจะเน้นความสะดวกสบายให้แก่ผู้สูงอายุ แต่ว่าเรายัง คำนึงเรื่องของความเป็นครอบครัวไทยที่อยู่ร่วมกัน เพราะฉะนั้นโครงการของเราเน้นเรื่องการออกแบบให้เหมาะสม สำหรับการอยู่ร่วมกันทั้ง 3 เจเนอเรชั่น ตั้งแต่ลูกหลานไปจนถึงรุ่นผู้สูงวัย”



                 ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าผู้พักอาศัยของโครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 จะได้รับ บริการระดับ World Class ที่ดูแลสุขภาวะแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ที่เหมาะสม กับช่วงวัย เพื่อชีวิตยืนยาวและมีความสุขอย่างยั่งยืน. ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

เมจิค ออฟ อาร์ท" รวมสุดยอดผลงานศิลปะสถาบันเพาะช่าง เปิดชมฟรี! ถึงสิ้นเดือนมกราคม

เมจิค ออฟ อาร์ท" รวมสุดยอดผลงานศิลปะสถาบันเพาะช่าง เปิดชมฟรี! ถึงสิ้นเดือนมกราคม





                 เปิดตัวขึ้นแล้ว สำหรับงานแสดงภาพศิลปะ โดยกลุ่มศิลปิน "เมจิค ออฟ อาร์ท" ซึ่งเป็นการรวมผลงานของสมาชิกในกลุ่มศิลปิน กว่า 20 ท่าน รวม 100 ชิ้นผลงาน ภายใต้การนำของประธานกลุ่มศิลปิน อาจารย์ มงคล ไชยวงศ์ อดีตศิษย์เก่าและอดีตผู้อำนวยการสถาบันเพาะช่าง



                 งานแสดงภาพศิลปะของกลุ่มศิลปิน "เมจิ คออฟ อาร์ท"นี้มีทั้งภาพสีน้ำมัน สีอคลีลิค และสีน้ำ ที่นำมาจัดแสดง ณ หอศิลป์เซเว่นรังสรรค์​ ถนนสาธร ซอย 5 ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้งาน สร้างสรรค์​รับปีใหม่ 2566 ซึ่งได้รับความส่งเสริม อนุเคราะห์​เป็นอย่างดี จากสถานที่ หอศิลป์เซเว่นรังสรรค์​ โดย คุณ พชรมน จิตมะกล่ำเจ้าหน้าประสานงาน

และการจัดแสดงงานภาพศิลป์ในครั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพ ทางกลุ่มเมจิคออฟอาร์ทยังได้นำไปช่วยเหลือการกุศลแก่ชมรมสายตาเลือนลางอีกด้วย 

                 สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงานแสดงภาพศิลป์ ครั้งนี้ของกลุ่มเมจิค ออฟ อาร์ท สมามารถแวะเวียนเข้ามาชมได้ทุกวันไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 นี้

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่  ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ชมการแสดงงิ้ว...