วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

งาน Future Energy Asia 2024 ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 15-17 พฤษภาคมนี้ อิตาลีพาวิเลียนนำเทคโนโลยีสุดล้ำมาร่วมขับเคลื่อนพลังงานแห่งอนาคต

งาน Future Energy Asia 2024

ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 15-17 พฤษภาคมนี้

อิตาลีพาวิเลียนนำเทคโนโลยีสุดล้ำมาร่วมขับเคลื่อนพลังงานแห่งอนาคต

        สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทยและสำนักงานข้าหลวงพาณิชย์อิตาลี ภูมิใจนำเสนอเทคโนโลยีสุดล้ำจาก 8 บริษัทชั้นนำของอิตาลี ในงาน Future Energy Asia 2024 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ถึง 17 พฤษภาคม 2567 นี้ ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

        งาน Future Energy Asia 2024 จัดขึ้นภายใต้ธีม "Powering a resilient and low carbon energy future” สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมกัน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับความท้าทาย ในการเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานคาร์บอนต่ำหรือพลังงานสะอาดที่มีความเหมาะสมสำหรับอนาคต

        ทั้งนี้ ฯพณฯ นาย เปาโล ดิโอนิซี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ ประเด็นนี้ว่า “การนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาใช้เพื่อเสริมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง"

        นางเปาลา กุยดา ข้าหลวงพาณิชย์อิตาลีประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยและอิตาลีมีเป้าหมายที่สอดคล้องกันในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งสำหรับอนาคต โดยประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงาน           หมุนเวียนให้ได้ 30% ภายในปี 2580 และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593  “งานนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานของไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่จะได้มาพบปะ เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนความคิด และประสบการณ์กัน”

        ผู้เยี่ยมชมงาน Future Energy Asia 2024 จะได้พบกับ Italian Pavilion ซึ่งประกอบด้วยการจัดแสดงนิทรรศการจาก 8 บริษัทชั้นนำของอิตาลีที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายในภาคส่วนต่างๆ ของอุตสาหกรรมพลังงานได้แก่:

1. ASCOT: ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสาน

2. BLUE GROUP: ผู้นำด้านวิศวกรรมและการออกแบบยานยนต์ รถไฟ และการบินและอวกาศ

3. CESI: บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคนิคและวิศวกรรมชั้นนำของโลกในด้านพลังงานไฟฟ้า

4. HT: ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์คุณภาพไฟฟ้าและการทดสอบความปลอดภัยด้านไฟฟ้า

5. MOIWUS: สตาร์ทอัพเทคโนโลยีสะอาดที่เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมไฮเทคสำหรับการบำบัดน้ำเสียและการรีไซเคิล

6. Nidec Industrial Solutions: ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการแปลงพลังงาน การจัดการพลังงาน โครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็ก และ การจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่

7. REPCo: ผู้เชี่ยวชาญออกแบบกระบวนการที่ครอบคลุมสำหรับโครงการพลังงานต่างๆ

8. RINA: บริษัทที่มากด้วยประสบการณ์ระดับนานาชาติในด้านวิศวกรรม การให้คำปรึกษา การตรวจสอบ และการรับรองสำหรับภาคพลังงาน

        บริษัทดังกล่าวคือตัวแทนของเทคโนโลยีล้ำสมัย และความเชี่ยวชาญขั้นสูงในการบริหารจัดงานโรงไฟฟ้า วิศวกรรม พลังงานสีเขียว การจัดการน้ำเสีย อิเล็กทรอนิกส์กำลัง และบริการให้คำปรึกษาในด้านอุตสาหกรรมพลังงาน

“Italian Pavilion ในงาน Future Energy Asia 2024 จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอิตาลีในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความยั่งยืนในภาคพลังงาน” ฯพณฯ เอกอัครราชทูต ดิโอนิซี กล่าว "เราพร้อมที่จะส่งเสริมสัมพันธภาพ และความร่วมมือกันเพื่อนำไปสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ"

       สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถชมได้ที่ Facebook Page: ITA Bangkok


         

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           

สจล. เปิดหลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล”พัฒนาศักยภาพคนพิการ

สจล. เปิดหลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล”พัฒนาศักยภาพคนพิการ

        สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KLLC) ภายใต้สังกัดสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดโครงการ DEP หลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล เพื่อคนพิการ สร้างงาน สร้างอาชีพ” โดยมี ผศ.ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นหัวหน้าโครงการ พร้อมด้วย รศ.ดร.จรสวรรณ โกยวานิช ผู้อำนวยการ KLLC, คุณหญิง ดร. สุมาลี อุทัยเฉลิม กรรมการสภาสถาบันฯ เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพคนพิการ ในงานแถลงข่าวยังได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเปิดโครงการ

ภายใต้ความร่วมมือจาก 6 สถาบันการศึกษา ได้แก่ 1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) 2. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) 3. มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) 4. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 5. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี (มสด.) 6. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพคนพิการในการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตนเอง ณ ห้อง Auditorium ชั้น7 อาคาร The Knowledge Exchange (KX) กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

        ผศ.ดร. ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว หัวหน้าโครงการนักสื่อสารดิจิทัลสำหรับคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ” กล่าวว่า เป้าหมายของการอบรม คือ คนพิการสามารถมีทักษะในการประกอบอาชีพอิสระด้านการผลิตสื่อ และการสื่อสารดิจิทัล โดยสามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักได้ที่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน โดยร้อยละ 100 ของผู้ผ่านหลักสูตรส่งเสริมการทำอาชีพอิสระ มีรายได้ ไม่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ปี พ.ศ. 2567 (328 บาท/ วัน) และยังสามารถสร้างเครือข่ายบุคลากรของสถาบันทั้ง คณาจารย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถปฏิบัติงานเรื่องการเพิ่มศักยภาพคนพิการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการได้อย่างยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 30 ราย

       สำหรับหลักสูตรนักสื่อสารดิจิทัล DEP MASTERCLASS มาจากแนวคิดหลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล” เพื่อคนพิการ สร้างงาน สร้างอาชีพ” ซึ่งความหมายของชื่อโครงการมีที่มาประกอบด้วย  DEP มาจากชื่อย่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และยังมาจากความหมายของ D: Development Digital Skills, E = Empowerment, P = People, Professional Training หมายถึงเป้าหมายของโครงการในการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เพื่อคนพิการ และDisable Persons can make Everything Possible. โดยมีรายวิชา ดังนี้

1. วิชาการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล

2. วิชาการเขียนบทความ การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์

3. วิชาการถ่ายภาพ การทำภาพเพื่อการตลาด

4. วิชาการทำอินโฟกราฟฟิก การทำเอกสาร สื่อวิดีโอ นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ

5. วิชาการพูดในที่สาธารณะ

6. วิชาการพัฒนาบุคลิกภาพ และการสื่อสารอย่างมืออาชีพ

7. วิชาการตลาดดิจิทัล

       โดยในแต่ละวิชามีแผนการจัดอบรมด้วยระยะเวลารวมตลอดหลักสูตร 420 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะเริ่มอบรมระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2567  ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและสมัครเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายได้วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจำนวนผู้สมัครจะครบ 50 คน สามารถสมัครได้ที่ ลิ้งค์ https://shorturl.at/dnCV4 


วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณซอยชุมชนพัฒนาใหม่ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณซอยชุมชนพัฒนาใหม่ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

       ตามที่ได้เกิดอัคคีภัยบ้านเรือนประชาชนบริเวณชุมชนซอยชุมชนพัฒนาใหม่ เขตคลองเตย เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567  ที่ผ่านมา ซึ่งเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ภายหลังจากเกิดเหตุ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยแผนกบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ นำข้าวต้ม พร้อมน้ำดื่มแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอัคคีภัยเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น หลังจากนั้น แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดทีมลงพื้นที่เพื่อรับลงทะเบียนผู้ประสบภัยต่อเนื่องในทันที

        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการมูลนิธิฯ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 33  ครอบครัว 80 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว18 ชุด รายบุคคล 15 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 307,500 บาท (สามแสนเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีนางสาวอรชา มุ้ยเสมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตคลองเตย พร้อมด้วยมูลนิธิไกรสิทธิการกุศล และมูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ ร่วมในพิธี ณ บริเวณซอยชุมชนพัฒนาใหม่ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2567

         ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ)

คณะแพทยศาสตร์ สจล. เปิดรับสมัครนักศึกษา ป.โท 

สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ)

            คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอเชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต(ปริญญาโท) สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งความรู้และทักษะที่ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านสุขภาพได้อย่างแท้จริง 

             สำหรับคุณสมบัติผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเรียนในปีสุดท้ายของหลักสูตรปริญญาตรี สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้  – 15 พฤษภาคม 2567 ผ่านลงทะเบียนออนไลน์ที่ www.reg.kmitl.ac.th  หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://md.kmitl.ac.th/ 


สวพส. ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567 เป็นเครื่องหมายรับรอง การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สวพส. ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567

เป็นเครื่องหมายรับรอง การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

ไม่เผา และไม่บุกรุกป่า สู่การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน

         การทำเกษตรอินทรีย์เป็นเรื่องท้าทายความรู้ของพี่น้องชาวเกษตร ในการที่จะต้องบริหารจัดการความรู้และทรัพยากรที่มีเนื่องด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถใช้สารเคมีเกษตรหรือสารสังเคราะห์ใด ๆ ได้ ล่าสุด สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง หรือ สวพส. ยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567 เป็นเครื่องหมายรับรอง การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เผา และไม่บุกรุกป่า สู่การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน

           สวพส. ได้ดำเนินงานวิจัยและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพบนพื้นที่สูง โดยการปรับระบบเกษตรจากการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการเพาะปลูกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินตามหลักวิชาการ การเลือกพืชทางเลือกที่สร้างมูลค่าได้มากกว่าพืชเดิม ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ กาแฟ พืชไร่ เป็นต้น ตลอดจนการเข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย (GAP และเกษตรอินทรีย์) เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขัน

             รวมทั้ง การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วย ECO BRAND เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงสินค้าที่มีกระบวนการปลูกที่ไม่เผาเศษวัสดุเกษตร ไม่บุกรุกป่า รวมทั้งมีมาตรฐานรองรับ และยังสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

               ECO BRAND ยังใช้เป็นกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรในการเข้าร่วมโครงการ ด้วยเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มจากวิธีการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกป่า รวมถึงการนำไปสู่การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility; CSR) เพื่อให้เกษตรกรดูแลรักษาป่าไปพร้อมๆ กัน

                สำหรับทรัพย์สินทางปัญญา ปีงบประมาณ 2567 ที่ยื่นจดมี จำนวน 4 รายการ ได้แก่ 

1. ลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรมคู่มือการปลูกผักอินทรีย์ Organic Vegetable Cultivation คำขอเลขที่ 0473817 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ISBN : 978-616-608-018-6

2. ลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลองค์ความรู้จากงานวิจัยบนพื้นที่สูง คำขอเลขที่ 0475451 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นระบบการจัดการฐานข้อมูลงานวิจัยผ่านเว็บไซต์ https://rsdb.hrdi.or.th ประกอบด้วย รายงานผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ (e – Research Report) ในรูปแบบ File PDF ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จำนวน 532 โครงการ มีการรวบรวมองค์ความรู้จากงานวิจัยให้อยู่ในรูปแบบและภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

3. เครื่องหมายรับรอง THAI HIGHLAND ECO FRIENDLY CERTIFIED คำขอเลขที่ 240200640 ลงวันที่ 8 มกราคม 2567 

4. อนุสิทธิบัตร “แป้งข้าวกล้องดอยสำเร็จรูปปราศจากกลูเตน” เพื่อสุขภาพ (Functional Food) คำขอเลขที่ 2403000864 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2567 ต่อยอดจากพันธุ์ข้าวท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีศักยภาพในการผลิตบนพื้นที่สูง เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการแป้งสำเร็จรูปที่ปราศจากกลูเตน (gluten free) เมื่อนำมาประกอบอาหารหรือทำขนมมีกลิ่นหอม สีและคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสามารถนำไปทำเบเกอรี่สำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือใช้เป็นส่วนผสมแทนแป้งสาลีได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วย แป้งข้าวกล้องพันธุ์ก่ำวังไผ่ แป้งข้าวกล้องพันธุ์บือโป๊ะโล๊ะ และแป้งข้าวกล้องพันธุ์บือเนอมู   


วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย

เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

     ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมันพร้อมยกระดับการให้บริการด้านประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการเดินทางที่ง่ายขึ้นสำหรับคนไทย ผ่านคำมั่น  'Simple, Because it matters' และสงกรานต์ที่ผ่านมา ERGO ได้ส่งต่อปณิธานนี้ผ่านแคมเปญ #สงกรานต์นี้ไปไหนก็อุ่นใจกับเออร์โกประกันภัย เพื่อส่งเสริมชีวิตของคนไทยที่ง่ายให้เกิดขึ้นจริง

     ERGO เข้าใจปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย และตั้งเป้าลดปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า "7 วันอันตราย" ERGO เข้าใจความท้าทายที่นักเดินทางชาวไทยต้องเผชิญ จากการวิจัยและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ERGO เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลาสำคัญนี้ที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากทุกปี ERGO ในฐานะเป็นแบรนด์ประกันภัยที่ต้องการเห็นชีวิตของคนไทยง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางในช่วง 7 วันอันตราย จึงวางกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยการขยายความปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่ลูกค้าของ ERGO แต่ยังรวมถึงนักเดินทางทุกคนที่ใช้รถบนท้องถนนด้วย

        ร่วมมือกับภาครัฐ ขยายผลเชิงบวก ตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีชีวิตที่ง่ายขึ้น ERGO จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกรมทางหลวง เพื่อขยายผลการลดจำนวนอุบัติเหตุ ผ่านการส่งรถสไลด์ช่วยเหลือของ ERGO ไปประจำการยังเส้นทางสู่ภูมิภาค 5 จุดหลักซึ่งเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การส่งรถสไลด์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มกำลังพลให้กับกรมทางหลวงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มหน่วยช่วยเหลือที่เข้าแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้ถนน ณ จุดเกิดเหตุได้ทันที โดยความร่วมมือนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในกิจกรรมปล่อยขบวนรถรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากที่มาร่วมกันเป็นสักขีพยาน เพื่อช่วยกันทำให้ชีวิตบนท้องถนนของทุกคนง่ายขึ้น

        ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงในครั้งนี้ ช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับคนเดินทางได้มากกว่า 200 รายตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเปลี่ยนยางอะไหล่ พ่วงแบตเตอรี่ เติมลมยาง ไปจนถึงสไลด์รถไปยังจุดใกล้เคียง เพราะถึงแม้จะเป็นเหตุขัดข้องเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ บนท้องถนนตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุรถชนต่อเนื่องกันเป็นแนวยาวซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างแท้จริง

       นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ ERGO ตามพันธกิจที่ต้องการยกระดับชีวิตคนไทยให้ง่ายขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานการดูแลคนไทยให้ไม่น้อยไปกว่ามาตรฐานจากประเทศเยอรมัน ด้วยประสบการณ์ด้านการประกันภัยของ ERGO Group ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 70 ปี จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) มีศักยภาพและความพร้อมที่จะดูแลคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับบริการด้านการประกันภัยที่ง่ายขึ้น

เกี่ยวกับ เออร์โกประกันภัย:

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารงานของ เออร์โก กรุ๊ป ซึ่งส่วนหนึ่งของ มิวนิกรี กลุ่มธุรกิจผู้รับประกันภัยต่อและรับประกันความเสี่ยงชั้นนำของโลก ERGO ยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับประกันภัยหลักทั้งในเยอรมันและอีก 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ในตลาดประกันวินาศภัยอันยาวนานกว่า 70 ปี ความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมและหลากหลายของทีมงาน และเครือข่ายพันธมิตรที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) สามารถบรรลุพันธกิจสำคัญต่อการทำประกันภัยให้เป็นเรื่องง่ายในทุกมิติของการให้บริการ

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) เชื่อว่า ทุกความเสี่ยงภัยของชีวิต จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง แม้การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างเข้าใจและเข้าถึงก็สำคัญไม่ต่างกัน เพื่อให้ทุกความช่วยเหลือได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และช่วยให้การประกันภัยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส 

ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี



         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่ มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ รวมมอบจำนวน 2 แห่ง จำนวน 7 ราย รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 138,570 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นางสมพิศ ศรีคำแหง ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ร่วมในพิธี  ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567



        นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพโดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก

      ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

งาน Future Energy Asia 2024 ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 15-17 พฤษภาคมนี้ อิตาลีพาวิเลียนนำเทคโนโลยีสุดล้ำมาร่วมขับเคลื่อนพลังงานแห่งอนาคต

งาน Future Energy Asia 2024 ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 15-17 พฤษภาคมนี้ อิตาลีพาวิเลียนนำเทคโนโลยีสุดล้ำมาร่วมขับเคลื่อนพลังงานแห่งอนาคต       ...