วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญประชาชน สักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จากหาดใหญ่ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญประชาชน สักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จากหาดใหญ่

ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2568



      มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ้ง) หาดใหญ่ ขอเชิญศิษยานุศิษย์ และสาธุชนที่เลื่อมใส ร่วมสักการะ "เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว" จากหาดใหญ่ องค์ฮกเต็กแป๊ะกง และองค์นาจาไท้จื้อ (เทพโกมินทร์) ณ บริเวณลานสำนักงานมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2568




       โดยวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 17.30 น. คณะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเดินทางถึงกรุงเทพฯ เคลื่อนขบวนผ่านบริเวณวงเวียนโอเดียน ไปตามถนนเยาวราช - เจริญกรุง โดยขบวนจะแห่ถึงมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้าสักการะ เวลาประมาณ 18.00 น.



        และในวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม - วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้าสักการะตั้งแต่เวลา 06.00 - 21.00 น. 

         สำหรับวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น. จะมีพิธีส่งเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวกลับหาดใหญ่



         "เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว" เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวจีนและไทยในจังหวัดปัตตานีอย่างดี เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย หรือวันเพ็ญเดือสักดารน 3 ตามจันทรคติของไทย จะมีงานของสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งจัดเป็นงานฉลองใหญ่ทุกปี ท่านที่เดินทางไปจังหวัดปัตตานี สามารถไปสักการะได้ที่ ศาลเล่งจูเกียง ถนนอาเนาะรู   อำเภอเมือง ซึ่งมีรูปจำลองของเจ้าแม่ประดิษฐานอยู่ ที่สุสานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวนั้น มีชาวปัตตานีได้มากราบไหว้ และ บนบานศาลกล่าว ปรากฏว่าต่างก็สมหวังไปตามๆ กัน ผู้คนจึงร่ำลือโจษจันไปทั่ว ปรากฏว่ามีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ


          ในทุกๆ ปี ตั้งแต่วันชิวอิกถึงชิวสี่ของเดือนที่ 2 ตามปฏิทินจีน หรือ 1 เดือนหลังจากวันตรุษจีน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียยเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ กำหนดอัญเชิญองค์จ๋าลองเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จากหาดใหญ่ มาประดิษฐานที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย ให้ประชาชนที่เลื่อมใสที่ไม่สะดวกเดินทางไปถึงปัตตานี หรือสงขลา ได้มีโอกาสการบูชาทุกปี โดยในการสักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว นอกจากเครื่องกระดาษ ธูป-เทียน นัยว่าท่านโปรดผ้าแพรสีแดง - ชมพู และสร้อยมุก สร้อยมุกนั้นที่ปฏิบัติกันอยู่ก็คือ เมื่อนำสักการะและอธิษฐานต่อองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวแล้ว นำไปคล้องที่ศอเจ้าแม่ทั้ง 2 เส้น และนำคืนมา 1 เส้น นำกลับไปบูชาที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้เตรียมของไหว้ต่างๆ ประกอบด้วย สร้อยมุก 2 เส้น - พวงมาลัย - ขนมมงคล - ชุดกระดาษพร้อมธูป-เทียน ไว้บริการภายในงาน เพื่อความสะดวกของประชาชนที่มาสักการบูชา

         ติดต่อสอบถาม รวมถึงติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป้อเต็กตึ๊งได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1416,

เว็บไซด์ www. pohtecktung.org และ เฟชบุ๊กแฟนเพจ  www.facebook.com/atpohtecktung

*** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ***



วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

สวพส. ร่วมกับ สวก. ดันเกษตรอินทรีย์แม่แจ่ม ขับเคลื่อนองค์ความรู้ เสริมศักยภาพเกษตรกรบนพื้นที่สูง

สวพส. ร่วมกับ สวก. ดันเกษตรอินทรีย์แม่แจ่ม

ขับเคลื่อนองค์ความรู้ เสริมศักยภาพเกษตรกรบนพื้นที่สูง

      สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เปิดงาน “วันถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยีจากงานวิจัย พืชอินทรีย์กับทางเลือกบนพื้นที่สูง” โดยมี นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านบริหารจัดการ สวพส. เป็นประธานในพิธี ณ บ้านแม่วาก ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568

      งาน “วันถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยีจากงานวิจัย พืชอินทรีย์กับทางเลือกบนพื้นที่สูง” จัดขึ้นร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายและผู้ประกอบการ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม โดยใช้เทคโนโลยีจากงานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่สูง


       นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านบริหารจัดการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า การจัดงานวันถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอผลสำเร็จของการวิจัยที่สามารถนำไปใช้จริงในพื้นที่สูง โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีจากงานวิจัยเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูงให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลยุทธ์การปฏิบัติงาน การพัฒนาบนพื้นที่สูงเป็นการร่วมบูรณาการกันระหว่างหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ รวมทั้งการนำองค์ความรู้จากโครงการหลวงมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และยังการจัดการที่ดินรายแปลง ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และเพิ่มผลผลิตอย่างยั่งยืนบนพื้นที่สูง


         พร้อมทั้งเปิดเวทีเสวนาระหว่างเกษตรกร นักวิจัย และผู้ประกอบการในหัวข้อ “การปลูกและตลาดพืชอินทรีย์ในโลกยุคที่มีความผันผวน” และ “ทำไมเกษตรอินทรีย์ถึงเป็นทางเลือกของคนบนพื้นที่สูง” โดยได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ เช่น เกษตรอำเภอแม่แจ่ม วิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน อาทิ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด และบริษัท ตันตราภัณฑ์ซุปเปอร์มาร์เก็ต (1994) จำกัด (ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต) ที่เข้ามาสนับสนุนการขยายตลาด


         ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกพืชอินทรีย์อย่างยั่งยืน การเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และการใช้เทคโนโลยีจัดการพื้นที่เพาะปลูก พร้อมทั้งเปิดฐานเรียนรู้ 8 ฐาน ที่ช่วยให้เกษตรกรเข้าใจแนวทางเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่การเลือกพื้นที่ วางผังแปลงปลูก การจัดการดินและน้ำ ไปจนถึงการผลิตปุ๋ยชีวภาพและการกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี


        เกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เพียงแค่แนวทางการเพาะปลูก แต่เป็นเครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ โดยงานวิจัยจาก สวพส. ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพเกษตรกรให้ก้าวไปสู่มาตรฐานสากล นำไปสู่ความมั่นคงทางอาหารและชีวิตที่ยั่งยืนของเกษตรกรบนพื้นที่สูง


วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

กลุ่มฮีโน่ ส่งมอบโลหิต 400,000 ซีซี ให้กับสภากาชาดไทย และสานต่อกิจกรรมบริจาคโลหิต

กลุ่มฮีโน่ ส่งมอบโลหิต 400,000 ซีซี ให้กับสภากาชาดไทย และสานต่อกิจกรรมบริจาคโลหิต

กับโครงการ “Power of Blood หนึ่งคนให้หลายคนรับ ยิ่งให้ ยิ่งได้มาก”

        กลุ่มฮีโน่จัดพิธีส่งมอบโลหิต 400,000 ซีซี ให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย นำโดยคุณยูมิโกะ คาวามุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, มร.โทรุ มัตสึคาว่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่ มอเตอร์ส เอเชีย จำกัด และคุณอธิคม โพธิกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  บริษัท ฮีโน่มอเตอร์ส แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด  โดยได้รับเกียรติจาก คุณสิณีนาฎ อุทา ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการบริการโลหิต  ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบโลหิต ณ อาคารซากุระ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568


           โดยคุณยูมิโกะ คาวามุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนของกลุ่มบริษัทฮีโน่ฯ ในประเทศไทย ได้กล่าวว่า ความสำเร็จใน กิจกรรมนี้เกิดจากความร่วมมือและแนวคิดในการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทยร่วมกัน ทั้งของกลุ่มฮีโน่และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ นี้คือพลังของการตอบแทนสังคมที่ฮีโน่ดำเนินหลากหลายกิจกรรมมาอย่างยาวนาน สำหรับในปีที่ผ่านมา การบริจาคโลหิตเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดำเนินการได้ลุล่วงตามแผนงานที่วางไว้ และยังได้รับเลือดเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ต้องขอบคุณทุกความร่วมมืออีกครั้ง ต้องบอกว่า เราอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้รับโดยตรง แต่เราได้เห็นรอยยิ้มของผู้ให้จากทุกๆ ที่ที่เราไปร่วมรับบริจาค


            สำหรับปีนี้ เรามุ่งมั่นที่จะขยายความสุขแห่งการให้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มฮีโน่การบริจาคเลือดแล้ว  ฮีโน่ยังมีกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคมอีกมากมาย เพื่อสร้างรอยยิ้มและส่งความสุขให้กับผู้คนและสังคมตลอดปี 2568 นับเป็นอีกหนึ่งพันธกิจการช่วยเหลือสังคมที่กลุ่มฮีโน่ยังคงเดินหน้าในกิจกรรมนี้ไปในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ทุกท่านสามารถติดตามกำหนดการและเข้าร่วมกิจกรรมโครงการ Hino We Care กิจกรรมเพื่อสังคมที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจ เดินคู่ไปกับการดูแลสังคม ให้ครอบครัวฮีโน่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน 

            ติดตามข่าวสารต่างๆ ของฮีโน่ได้ที่  www.hinothailand.com,  Facebook : Hino Thailand Fan Club, Line : @hinoth, YouTube : Hino Thailand Official และ TikTok : @hinoth 


กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับเมนู “ขาปูอลาสก้า” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับเมนู “ขาปูอลาสก้า” 

ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ


      กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับเมนู “ขาปูอลาสก้า” เกรดพรีเมียมแบบออนไอซ์ สดใหม่ ใหญ่ยักษ์ให้ได้ลิ้มลอง เฉพาะวันพุธจนถึงเดือนมีนาคม ศกนี้เท่านั้น ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

      คนรักอาหารทะเลต้องไม่พลาดกับ “Alaskan King Crab Night” ทุกมื้อเย็นวันพุธ (วันที่ 19, 26 กุมภาพันธ์ และ 5,12,19,26 มีนาคม 2568) ระหว่าง เวลา 18.00 – 22.00 น. ที่บริการรวมวัตถุดิบนานาชาติชั้นนำให้อร่อยได้ไม่อั้นทั้ง ขาปูอลาสก้า หอยนางรม กุ้งเม่น้ำ หอยหวาน ปูม้า ฯลฯ และยังมีอาหารญี่ปุ่นมากมาย โดยเฉพาะสายปลาดิบกับซาชิมิ “ทูน่าบลูฟิน” ปลาฮามาจิ ซูชิฟัวกราส์ วากิว แซลมอน ปลาไหลญี่ปุ่น ความอร่อยที่พลาดไม่ได้



       นอกจากนี้ยังมุม “ข้าวต้มกุ๊ย” “Carving Station 7 วัน 7 เมนู” ขาหมูสูตรดิเอมเมอรัลด์ ข้าวต้มปลากะพง พาสต้าพรีเมียม ซุปเห็ดทรัฟเฟิล เทมปุระ เทปปันยากิ เครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา-กาแฟ ของหวานทั้งไทย เบเกอรี่ ไอศกรีม และผลไม้ตามฤดูกาล รับประกันความคุ้มค่า ในราคาเพียงท่านละ 1,700++ บาท

        พิเศษกับโปรโมชั่นส่วนลด! เหลือเพียงท่านละ 1,299++ บาท ทานได้ไม่จำกัดเวลา 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 ต่อ 8413 หรือ ไลน์ @theemeraldhotel  และ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop


วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

จังหวัดจันทบุรีเปิดงานบูชาดาวนพเคราะห์ 2568 อย่างยิ่งใหญ่

จังหวัดจันทบุรีเปิดงานบูชาดาวนพเคราะห์ 2568 อย่างยิ่งใหญ่ 

สืบสานประเพณีเก่าแก่กว่า 191 ปี 

สุข สมบูรณ์ สำเร็จ สมปรารถนา

      Mr. Pham Viet Hung (ฝั่ม เหวียด ทุ่ง) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย, นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี, เพชรรัตน์ สายทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม, นายกิจฐพร โชติสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี, กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ดร.คฑา ชินบัญชร ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย-จีน พรีเซนเตอร์เที่ยวไทยรับพลังบวก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เข้าร่วมพิธีเปิดงาน"บูชาดาว ปี 2568 สุข สมบูรณ์ สำเร็จ สมปรารถนา" อย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก พระบริหารวชิรอนัมพร เจ้าอาวาสวัดเขตร์นาบุญญาราม ดร.คทา ชินบัญชร ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย-จีน ร่วมเป็นสักขีพยานและกล่าวนำบูชาดาวในพิธี ณ วัดเขตร์นาบุญญราม จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันทึ่ 10 กุมภาพันธ์ 2568



         พิธีบูชาดาว เป็นประะเพณีสำคัญที่ได้รับการสืบทอดจากชาวเวียดนาม ที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในจังหวัดจันทบุรี มากว่า 191 ปี และได้นำขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ และศรัทธาทางศาสนา มาหล่อหลอมเข้ากับวัฒนธรรมไทยและจีน จนกลายเป็น อัตลักษณ์ ประเพณีวัฒนธรรม แห่งความสามัคคีของชุมชน ของวัดเขตร์นาบุญญาราม วัดอนัมนิกายแห่งเดียวในจังหวัดจันทบุรี



         การจุดเทียนบูชาดาว การบูชาดาวเป็นอัตลักษณ์ ความเชื่อความศรัทธา ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เป็นประเพณีที่เก่าแก่กว่า 191 ปี มีความเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ได้เข้าระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา โดยในแต่ละปี ดาวที่ตกต้องคุ้มครองชะตา จะเปลี่ยนไปตามคัมภีร์



        กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจันทบุรี และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทุกภาคส่วน รวมทั้งชาวจังหวัดจันทบุรี ร่วมกันจัดพิธีบูชาดาวนพเคราะห์ 2568 อย่างยิ่งใหญ่อลังการ เสริมสิริมงคลตลอดปี ระหว่างวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 7 วัน 7 คืน 

โดยภายในงานจัดให้มีพิธีกรรมสำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ

• พิธีสักการะพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และดาวนพเคราะห์ทั้ง 9

• พิธีจุดเทียนอายุวัฒนะและเวียนเทียนรอบอุโบสถ

• พิธีแก้ปีชง ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

• การประดับโคมไฟทั่ววัด สร้างบรรยากาศแห่งศรัทธา



       สำหรับไฮไลต์ของปีนี้คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทาน ไฟพระฤกษ์ สำหรับจุดเทียนประทีปบูชาพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ซึ่งถือเป็น พระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น แก่คณะผู้จัดงานและประชาชนที่มาร่วมพิธี

       จากนั้น คณะกรรมการจัดงาน  ได้เชิญประธานในพิธี แขกผู้มีเกียรติ เข้าสู่พิธีเปิดงาน ภายใต้แนวคิด “ปีมะเส็ง สุข สมบูรณ์ สำเร็จ สมปรารถนา” โดยคาดว่าตลอดสัปดาห์ของการจัดงาน จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและต่างชาติเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมสืบสานประเพณีและเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิตตลอดปี


         

“ข้าวแช่คลายร้อน” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อ

“ข้าวแช่คลายร้อน” ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ          ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ จัดเมนูต้อนรับฤดูร้อนตลอดเดือนเมษายน...