วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’ ติด Top 10 Brand Powerful Score

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’ 

ติด Top 10 Brand Powerful Score

     บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย สร้างก้าวสำคัญด้วยการไต่ระดับจาก “แบรนด์ผู้ท้าชิง” สู่กลุ่ม “แบรนด์เจ้าตลาด” (Market Leader Brand) ในงาน Terra Hint Brand Series 2025 พร้อมติด Top 10 Brand Powerful Score จากการสำรวจผู้บริโภคออนไลน์กว่า 2,000 คนทั่วประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในหลายด้าน ทั้งมาตรฐานโครงสร้าง การออกแบบเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะในโครงการ low-rise และการดูแลหลังการขายที่ผู้บริโภครับรู้ว่าจริงใจและรับผิดชอบ มากขึ้นอย่างเด่นชัดด้วยระยะเวลา รับประกันถึง 10 ปี

    คุณศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร กลุ่มงานการตลาดและสื่อสารองค์กร CP LAND กล่าวถึง กล่าวถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้ CP LAND ขยับจากกลุ่มแบรนด์อสังหาฯ “แบรนด์ผู้ท้าชิง” เข้าสู่กลุ่ม “แบรนด์เจ้าตลาด” ด้วยกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสาร “จริงใจและรับผิดชอบ”  ที่ตรงใจผู้บริโภคอย่างชัดเจน โดยในปีที่ผ่านมา ทีมงานฯได้พยายามเน้นจุดเด่นของบ้านซีพีแลนด์ให้ตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ ปลอดภัย-โปร่งใส, คุณภาพและงบที่เอื้อมถึง พร้อมคุณภาพและความยั่งยืน 

1. ปลอดภัยและโปร่งใส ในยุคที่คนกลัวโครงสร้างมากกว่าราคา

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว งานวิจัยชี้ว่า “โครงสร้างและคุณภาพการก่อสร้าง” กลายเป็นปัจจัยอันดับ 1 ในการเลือกบ้าน และผู้บริโภคให้รางวัลกับแบรนด์ที่สื่อสารเร็ว ชัด และตรงไปตรงมาเรื่องมาตรฐานอาคาร  

CP LAND วางจุดยืนชัดในเรื่อง

• มาตรฐานโครงสร้างและวัสดุที่ตรวจสอบได้ การออกแบบเน้นความปลอดภัย

• การดูแลหลังการขายและการรับผิดชอบต่อผู้อยู่อาศัยอย่างใส่ใจ *ด้วยการรับประกัน 10 ปี

2. คุณภาพที่ “เอื้อมถึงได้” ตรงกับงบส่วนใหญ่ของคนไทย

งานวิจัยพบว่า 78% ของผู้ซื้อมองหาโครงการที่ “คุ้มค่า–ไว้ใจได้” มากกว่าความหรูฟุ่มเฟือยอย่างเดียว 

ทำให้ โครงการ CP LAND สร้างความแตกต่างได้ชัดเจน ประกอบด้วย

• โฟกัสโครงการที่อยู่อาศัยและมิกซ์ยูสในระดับราคาที่เข้าถึงได้

• ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่าในระยะยาว” ทั้งค่าใช้จ่ายดูแลบ้านและคุณภาพชีวิต

• เดินตามวิสัยทัศน์ “Accessible Communities for Life – คุณภาพเพื่อทุกชีวิต” ไม่ได้เน้นเฉพาะตลาดบน

3. ด้านความคุณภาพเพื่อทุกชีวิตและความยั่งยืน Wellbeing & Sustainable Living ผู้ตอบแบบสอบถามนิยาม “Wellness” ว่า คุณภาพชีวิตที่ดี สภาพแวดล้อมดี ความปลอดภัย พื้นที่สีเขียว ความสมดุลของชีวิต และความสัมพันธ์ในครอบครัว/ชุมชน  

     คุณศศินันท์ กล่าวปิดท้ายว่า ทั้งหมดนี้ทำให้ ‘บ้านซีพีแลนด์’ กำลังกลายเป็นคำตอบหลักของผู้ซื้อบ้านยุคปัจจุบันในสายตาผู้บริโภคทั่วประเทศ ด้วยโครงสร้างที่เชื่อมั่นได้ + คุณภาพที่เข้าถึงได้ + ชีวิตแบบ Wellbeing ที่จับต้องได้ 

#CPLAND #AccessibleCommunitiesForLife #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #TerraBKK #TerraHint2025 



"กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า" รวมพลังพรรคการเมือง สาน "การเมืองใหม่" เพื่อประชาชน

"กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า" รวมพลังพรรคการเมือง

สาน "การเมืองใหม่" เพื่อประชาชน

     การรวมตัวครั้งประวัติศาสตร์ จุดเปลี่ยนการเมืองใหม่ โดย "กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า" เป็นการรวมพลังครั้งใหญ่ของพรรคการเมืองกว่า 10 พรรค ที่ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ "การเมืองใหม่เพื่อประชาชน" ลั่น "เสียงประชาชนซื้อไม่ได้"

    ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาในแวดวงการเมืองไทยได้เกิดขึ้นในการจัดงานเสวนา "จิ๊กซอว์ความตั้งใจของพรรคเล็กที่ใหญ่กว่า..." ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


     ​จากการเสวนาดังกล่าว กลุ่มพรรคการเมืองได้ประกาศรวมตัวจัดตั้งเป็น "กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า" อย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการผนึกกำลังเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ และกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายที่มุ่งเน้นผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง โดยกลุ่มฯ ได้ประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ปัญหาบ้านเมืองดำเนินไปโดยปราศจากการแก้ไขจากฝ่ายผู้แทนประชาชน


    การรวมตัวครั้งนี้ถูกยกให้เป็น "จุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ" ที่รวบรวมพรรคการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจน และเป็นตัวแทนของประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีพรรคการเมืองที่ร่วมก่อตั้งกลุ่มมากกว่า 10 พรรค อาทิ ​พรรครวมพลังประชาชน, ​พรรคไทยสมาร์ท, ​พรรคพร้อม, ​พรรคกรีน, ​พรรคไทยก้าวหน้า, ​พรรคประชาไทย, ​พรรคพลังประชาธิปไตย, ​พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย, ​พรรครวมใจไทย และพรรคอื่น ๆ อีกหลายพรรค


     โดย "กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า" ได้กำหนดเป้าหมายสำคัญคือการ ผลักดันนโยบายร่วมกัน และ ขับเคลื่อนการเมืองใหม่ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน โดยเน้นย้ำถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของประชาชน ด้วยการประกาศถ้อยคำที่ทรงพลังว่า "เสียงของประชาชนไม่สามารถจัดซื้อได้" เพราะประชาชนทุกคนมีศักดิ์ศรีที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและประเทศชาติ

​      และที่ประชุมมีมติเลือก ดร.อรุณ คงเจริญ เป็น ประธานกลุ่ม และ นายวัฒนา จำปาดิบรัตนกุล เป็น โฆษกประจำกลุ่ม เพื่อทำหน้าที่เป็นแกนนำในการประสานงาน สื่อสารทิศทางการทำงาน และขับเคลื่อนวาระสำคัญของกลุ่ม "จิ๊กซอสองเก้า" ให้สาธารณชนรับทราบต่อไป

#กลุ่มจิ๊กซอสองเก้า

#การเมืองใหม่

#พรรคการเมือง


วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จุฬา เปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

จุฬาฯ พลิกโฉมวงการทันตกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

เปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ)

     ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานแถลงข่าวเปิดศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านทันตกรรม หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) โดยมี รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์หญิง ดร. ใจแจ่ม สุวรรณเวลา ประธานหลักสูตรฯ และผู้อำนวยการคลินิก กล่าวต้อนรับ และกล่าวรายงานแนะนำหลักสูตรหันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ ดร.พรชัย จันศิษย์ยานนท์ คณบดีทันตแพทยศาสตร กล่าวถึงนโยบายของคณะ ณ คลินิกทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE Clinic) อาคารพรีคลินิก ชั้น 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568


     โดยภายในงาน มีการกล่าวรายละเอียดการดำเนินงานของหลักสูตรโดย Associate Professor Dr. Nikos Mattheos ประธานฝ่ายวิชาการ และ Associate Professor Martin Schittek Janda ศาสตราจารย์รับเชิญจาก Malmo University, Sweden รวมทั้งมีกิจกรรมให้เข้าร่วมทดสอบใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย สำหรับงานทันตกรรม 4 จุด ได้แก่
1. One-Day Crown: The Complete Workflow
(ระบบงานดิจิทัลสำหรับการทำครอบฟันเสร็จได้ภายในวันเดียว)
2. Computer Assisted Implant Surgery: Implant Surgery with Real-Time Navigation
(การผ่าตัดรากฟันเทียมโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์: การฝังรากเทียมด้วยระบบนำร่อง)
3. Orofacial Esthetics and Smile Design. Face Scan, and Digital Design of a New Smile (การสแกนใบหน้า และการออกแบบรอยยิ้ม
4. Advanced Applications of intraoral Scanner in Implantology and Esthetic Dentistry: Enabling patient's comfort and accuracy (การสแกนในช่องปาก)



     คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเปิดตัวหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (หลักสูตรนานาชาติ) -Chulalongkorn University Implants and Esthetics Dentistry (CUIE) พร้อมเปิดพื้นที่ CUIE Clinic คลินิกทันตกรรมดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ณ คลินิกทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE Clinic) อาคารพรีคลินิก ชั้น 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อประกาศก้าวสำคัญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการพัฒนาการเรียนการสอนและการรักษาทางทันตกรรมยุคใหม่ในหลักสูตรดังกล่าวที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัล ทันตกรรมรากเทียมขั้นสูง และความงามเชิงโครงสร้างใบหน้า (Functional-Esthetics) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการระดับสากลและสร้างบุคลากรเฉพาะทางคุณภาพสูงให้แก่วงการทันตแพทย์ไทยและนานาชาติ



     ศูนย์การศึกษาวิจัยด้านทันตกรรมรากเทียม และทันตตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (นานาชาติ) (Chulalongkorn University Implant and Esthetic Dentistry International Program Clinic - CUIE) เป็นศูนย์แห่งแรกของประเทศไทยที่รวบรวมการเรียนการสอนระดับนานาชาติ คลินิกดิจิทัลทันสมัย และการวิจัยระดับสากลไว้ในที่เดียว ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเข้ามาเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะด้านทันตกรรมที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้า ปัญญาประดิษฐ์เพื่อออกแบบรอยยิ้ม (AI Smile Design) ไปจนถึงหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย ทั้งด้านความแม่นยำ ความรวดเร็ว และคุณภาพการรักษาที่เหนือกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูงและระบบสนับสนุนที่ครบวงจร ซึ่งหลักสูตรทันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม (CUIE) คือคำตอบของโจทย์นี้

      ศูนย์ฯ แห่งนี้พัฒนามาเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี ประกอบด้วย หลักสูตรปริญญาโทนานาชาติ สาขาหันตกรรมรากเทียม และทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม คลินิกทันตกรรมดิจิทัลครบวงจร ศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยีทันตกรรมขั้นสูง โดยคลินิกได้เปิดให้บริการเบื้องต้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

     คลินิก CUIE เป็นศูนย์ทันตกรรมดิจิทัลที่ก้าวล้ำที่สุดในประเทศไทย ถูกออกแบบให้เป็นหน่วยทันตกรรมเฉพาะทางครบวงจรที่ผสานเทคโนโลยี ทักษะ และนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดเวลาและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย และยกระดับมาตรฐานการรักษาในประเทศไทยให้เทียบเท่าสากล โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ที่การให้บริการทางด้านทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงมีอุปกรณ์
เครื่องมือดิจิทัลที่ครบวงจร นอกจากนี้ยังครอบคลุมการให้บริการทันตกรรมที่สำคัญ เช่น
- Digital Workflow เต็มรูปแบบ ตั้งแต่สแกนช่องปาก ออกแบบ ไปจนถึงผลิตงานทันตกรรมด้วยระบบ CAD/CAM
- ห้องผ่าตัด Live Surgery สำหรับสอนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการผ่าตัดรากเทียมขั้นสูง
- ระบบสแกน CT/ Intraoral / Extraoral / Face Scan เชื่อมกับซอฟต์แวร์ AI สำหรับวางแผนการรักษา
- การผ่าตัดรากเทียมด้วยระบบ Real-time Navigation ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำอย่างสูง
- เทคโนโลยี Face Scan และ Digital Smile Design เพื่ออออกแบบรอยยิ้มที่สวยงามและกลมกลืนกับใบหน้าแต่ละบุคคล

    รศ.ทญ.ดร.ใจแจ่ม สุวรรณเวลา ผู้อำนวยการหลักสูตรฯและผู้อำนวยการคลินิก CUIE กล่าวว่า คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ให้บริการผู้ป่วยเฉลี่ยปีละกว่า 300,000 ราย ซึ่งไม่เพียงเป็นการดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชน แต่ยังเป็นสถานที่แสวงหาประสบการณ์ทางด้านการปฏิบัติที่สำคัญของทันตแพทย์หลังปริญญา ด้วยองค์ความรู้ดิจิทัลและเทคโนโลยีทันตกรรมขั้นสูง โดยมีเครื่อข่ายคณาจารย์นานาชาติหลากหลายสาขาร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนและบริการให้ครอบคลุมมาตรฐานระดับโลก
     ด้าน ศ.ทญ.ดร.ฑัณฑริรา พรทวีทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ CUIE กล่าวเสริมว่า CUIE เป็นแหล่งรวมของนักวิจัยระดับแนวหน้าระดับโลกด้านทันตกรรมดิจิทัล ซึ่งช่วยให้นักศึกษาปริญญาโทของเรามีโอกาสเรียนรู้และร่วมพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ทั้งการออกแบบ ทดลอง และประเมินเครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาใหม่ที่อาจได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในอนาคต
    Assoc. Prof. Dr. Nikos Mattheos ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของ CUIE กล่าวว่า การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันไม่ใช่รับฟังเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างประสบการณ์จริงผ่านสถานการณ์จำลอง การคิดวิเคราะห์ การอภิปรายกลุ่ม และการฝึกทักษะขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง CUIE ได้ออกแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบรองรับทั้งหมดนี้ นอกจากนี้ศูนย์ CUIE ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าฝึกงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

       คลินิก CUIE ยังให้บริการประชาชน ด้านรากเทียม ครอบฟันดิจิทัล และทันตกรรมเพื่อความสวยงาม พร้อมโครงการพิเศษเพื่อ
สนับสนุนการศึกษาของทันตแพทย์หลังปริญญาและช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ได้แก่
1. โครงการ "วีเนียร์ฟันหน้า" (Anterior Veneers) ราคา 3,500 บาทต่อซี่ (จำนวนจำกัด  200 ซี่)
2. โครงการ "Digital Crown in One Day" ราคา 5,000 บาทต่อซี่ (จำนวนจำกัด 20 ซี่)
     คลินิก CUIE ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารพรีคลินิก คณะทันตแพพยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
     สอบถามข้อมูลหรือนัดหมาย โทร. 0-2218-8662
เว็บไซต์: https://www.implantestheticschula.com

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเข้าพื้นที่ อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวหาดใหญ่

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเข้าพื้นที่ อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวหาดใหญ่ 

โดยทีมบรรเทาสาธารณภัย รวม 50 นาย พร้อมอุปกรณ์กู้ภัย กู้ชีพ รถกู้ภัย กู้ชีพยกสูง 4x4

ประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม เสื้อชูชีพ ยาสามัญประจำบ้าน และอาหารสุนัขและแมวต่อเนื่อง


     ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสงขลา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ เร่งกระจายทีมบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ได้เร่งจัดทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมรถโรงครัวเคลื่อนที่ 2 คัน เรือท้องแบน 2 ลำ อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถกู้ภัยและรถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ เสื้อชูชีพ น้ำดื่ม ชุดยาสามัญประจำบ้าน อาหารสุนัขและแมว เร่งลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทันที โดยจัดตั้งกองอำนวยการฯ เพื่อประสานงานรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือในพื้นที่ และจัดตั้งโรงครัวเคลื่อนที่ ณ บริเวณวัดคลองเรียน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งในขณะนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงอยู่ระหว่างปฏิบัติการภารกิจอพยพผู้ประสบภัย รวมถึงผู้ป่วย พร้อมแจกเสื้อชูชีพ และนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประกอบอาหารปรุงสุก พร้อมจัดเตรียมน้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรทุกรถและเรือ ลงพื้นที่แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป โดยมี มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่  เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่และร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ หากผู้ประสบภัยในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ตลอด 24 ชั่วโมง


     ภายหลังจากที่เกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยอาสาสมัครกู้ภัยจุดต่างๆ ได้มีการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจwww.facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418


วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

"สารวัตรแรมโบ้” รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” ผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ” จากอดีตนายกฯ ชวน

"สารวัตรแรมโบ้” รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” ผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ” จากอดีตนายกฯ ชวน
ลั่นจะทำงานรับใช้สังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป



     พ.ต.อ. สุรเดช เจษฎาเดช หรือที่ใครๆ รู้จักกันในนาม “สารวัตรแรมโบ้”  ประธานประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย ได้เข้ารับมอบรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” รางวัลอันทรงเกียรติสาขาผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ หนึ่งในโครงการ “นวราช เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ สร้างสรรค์พัฒนาสังคมดีเด่น ครั้งที่ 6 ประจำปี 2568” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ จากนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี คนที่ 20 และอดีตประธานรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎร ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568



      พ.ต.อ. สุรเดช เจษฎาเดช หรือ “สารวัตรแรมโบ้”  ประธานประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในฐานะตำรวจมือปราบน้ำดี มือขาวใสสะอาด เน้น "คุณธรรมความถูกต้อง ยุติธรรม" เป็นหลักการ เป็นอดีตตำรวจกองปราบขาลุุยผู้โด่งดังในอดีต กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ที่ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ พร้อมชน ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
      "สารวัตรแรมโบ้" มักลุยบุกจับกุมผู้ต้องหาสำคัญในคดีต่างๆ มากมายแบบไม่สนหน้าหน้าอินทร์หน้าพรหม  บางครั้งก็บุกเดี่ยวหรือมีลูกน้องคู่ใจเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จนได้รับฉายาว่า “สารวัตรแรมโบ้” เขาคือสายเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง




      ปัจจุบันดำเนินชีวิตตามรอยพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เป็นประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งประเทศไทย และทำงานรับใช้สังคม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป
       "สารวัตรแรมโบ้" กล่าวหลังได้รับรางวัลว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัล “๑ ปณิธานความดี เทิดไท้พระภูมีนนวมินทรา” สาขา เกียรติคุณผู้ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ และขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลนี้ทุกคน นับว่าเป็นกำลังใจอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำความดี ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ
      ตนตั้งปฎิธานไว้ว่า "ตนจะทำความดี มีคุณธรรม รับใช้สังคม สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างเต็มกำลัง สุดความสามารถ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของสังคมต่อไป










วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จุฬาฯ – PMCU – เอไอเอส - ช่อง 7 HD จัดกิจกรรม “สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม” เนื่องในวันคนพิการแห่งชาติ

จุฬาฯ – PMCU – เอไอเอส - ช่อง 7 HD จัดกิจกรรม “สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม” เนื่องในวันคนพิการแห่งชาติ  AIS SIAM 

      จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ (PMCU) บริษัท แอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส  และช่อง7 HD ขอแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน และเนื่องในโอกาสวันคนพิการแห่งชาติ ได้เปิดพื้นที่ AIS SIAM จัดกิจกรรม “สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม” เพื่อสะท้อนเจตนารมน์ร่วมกัน ในการขับเคลื่อนสังคมที่เท่าเทียม พร้อมตอกย้ำบทบาทสยามสแควร์ให้เป็นต้นแบบพื้นที่สาธารณะที่เปิดกว้าง ให้ทุกคนสามารถร่วมแสดงความอาลัยได้อย่างภาคภูมิใจ ด้วยการให้ประชาชนและผู้พิการทุกคน ร่วมเขียนข้อความแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับผู้พิการจะได้แสดงความอาลัยผ่านอักษรเบรลล์ พร้อมส่งต่อข้อความแสดงความอาลัยขึ้นจอกลางสยาม เพื่อให้จอ AIS SIAM ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความอาลัย และมีการบรรเลง–ขับร้องบทเพลง “แม่แห่งแผ่นดิน” โดยวงออร์เคสตร้าคนตาบอดแห่งประเทศไทย แสดงถึงความตั้งใจร่วมกันของทุกภาคส่วนในการสืบสานพระราชปณิธานในการทำความดีเพื่อสังคมไทยโดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้พิการมาร่วมแสดงความอาลัยอย่างพร้อมเพรียง


      นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จึงทำให้เกิดกิจกรรม “สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม” ในวันนี้ ถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้พิการ ได้มีส่วนร่วมแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้พิการ ที่ทรงให้ความเมตตาและพระราชทานโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีเสมอมา การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ไทย ซึ่งมุ่งสร้างความเท่าเทียม ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ดิฉันหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนาสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามแนวทางของรัฐบาลที่มุ่งมั่นให้คนพิการได้รับโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง”


      ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ (PMCU) เอไอเอส และช่อง 7 HD ในการจัดกิจกรรม “สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม” เพื่อให้ประชาชนและคนพิการได้มีโอกาสร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และทรงเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคนร่วมกันทำความดีเพื่อส่วนรวม การจัดกิจกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับปณิธานของจุฬาฯ ที่มุ่งพัฒนาสังคมให้ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเฉพาะการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา การเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับทุกคน สะท้อนเจตนารมณ์ CHULA FOR ALL ที่มุ่งสร้างพื้นที่สยามสแควร์ให้เป็นต้นแบบพื้นที่สาธารณะที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถร่วมแสดงความอาลัยได้อย่างภาคภูมิใจ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม ทั้งในมิติของกายภาพ จิตใจ และสังคม พร้อมเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการสานต่อแนวพระราชปณิธาน เพื่อสังคมไทยที่งดงามและยั่งยืน”


      นายปรัธนา ลีลพนัง  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า  “เอไอเอสขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนในการเปิดพื้นที่ AIS SIAM เพื่อให้คนไทยทุกคนรวมถึงผู้พิการได้มีโอกาสร่วมน้อมรำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อสังคมและส่งเสริมคุณค่าของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม ในฐานะองค์กรเทคโนโลยีของคนไทย เอไอเอสเชื่อมั่นว่าความเท่าเทียมต้องเริ่มจากการออกแบบเพื่อทุกคน ทั้งในเชิงพื้นที่และบริการ เราจึงมุ่งพัฒนาแนวคิดการออกแบบที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูล หรือกิจกรรมสาธารณะ เพื่อให้ผู้พิการและทุกคนในสังคมสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างภาคภูมิใจและเท่าเทียม ทั้งนี้พร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการสืบสานพระราชปณิธาน และสร้างสังคมไทยที่งดงามอย่างยั่งยืน”

     และนายพัฒนพงค์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7HD) ได้ร่วมเขียนข้อความแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


     โดยบรรยากาศภายในงานบริเวณหน้าอาคาร AIS SIAM และตลอดเส้นทาง SIAM Walking Street เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง และความสง่างาม จากการแสดงดนตรีไทยโดยคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงกิจกรรมแสดงความอาลัยรูปแบบพิเศษผ่านอักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการ พร้อมส่งต่อคำไว้อาลัยขึ้นจอกลางสยามนอกจากนี้ยังมีการบรรเลง–ขับร้องบทเพลง “แม่แห่งแผ่นดิน” โดยวงออร์เคสตร้าคนตาบอดแห่งประเทศไทย นับว่าสะท้อนถึงพลังแห่งความจงรักภักดี และความร่วมมือของทุกคนในสังคม ที่มุ่งมั่นสร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียมร่วมกัน

     คณะผู้จัดงานทุกภาคส่วน ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอร่วมสืบสานแนวพระราชปณิธานในการสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พิการ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กมธ. ICT วุฒิสภา จัดสัมมนา “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต”

กมธ. ICT วุฒิสภา จัดสัมมนา “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต”

มุ่งส่งเสริมให้สื่อท้องถิ่นเป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง

     คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จัดสัมมนา เรื่อง “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต” โดยมีนายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง กล่าวเปิดการสัมมนา นายชิบ จิตนิยม โฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรวิชาชีพสื่อวิทยุกระจายเสียง และสภาบันการศึกษา เข้าร่วมสัมมนา ณ ห้องประชุมหมายเลข 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา)  เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568



     นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา วิทยุท้องถิ่นได้ทำหน้าที่เป็น “ปากเสียงของประชาชน” อย่างแท้จริง แต่ต้องดำเนินการภายใต้สถานะ “ทดลองออกอากาศ” ที่ยังไม่มีระบบใบอนุญาตที่ชัดเจนและเป็นธรรม สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการวิทยุท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมายและการกำกับดูแล ในขณะที่บทบาทของสื่อในยุคดิจิทัลก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น กมธ.จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการรวบรวมข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะแนวนโยบายต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดหลักเกณฑ์การส่งเสริมและการกำกับดูแลที่ชัดเจน เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยความมุ่งหมายร่วมกันที่จะเห็นวิทยุท้องถิ่นไทย ก้าวสู่ระบบใบอนุญาตที่ถูกต้องและยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสำรองเตือนภัยพิบัติ ยึดหลักสื่อปลอดภัย สร้างสรรค์ รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้สื่อท้องถิ่นเป็นพลังของประชาชนอย่างแท้จริง และให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เป็นก้าวประวัติศาสตร์ที่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับวงการสื่อไทย



     ทั้งนี้ ภายในการสัมมนามีการบรรยายเรื่อง “เสียงท้องถิ่นในยุคใหม่ : พัฒนาการ การกำกับดูแลและอนาคตของกิจการวิทยุ” โดยนางสาวพิมพ์ประไพ จิตหาญ อนุกรรมาธิการ นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายในหัวข้อ “20 ปี ที่รอคอย ... การเปลี่ยนผ่านวิทยุท้องถิ่นสู่ระบบใบอนุญาต” จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม วุฒิสภา พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. พลตำรวจตรี เอกธนัช ลิ้มสังกาศ ประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) และในฐานะ กตป.ด้านกิจการกระจายเสียง นายขวัญชาติ ดาสา เลขานุการองค์กรภาคีเครือยข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย (อวชท.) นางสาวบุษบาบรรณ มาลีแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีรดา บรอดแคสติ้ง จำกัด (สถานีวิทยุคลื่นบุษบาสเตชั่น) นายจักรพันธุ์ กังวลงาน หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนเจเคพี เอ็นจิเนียร์ริ่งเรดิโอ และนายอนุพนธ์ เตจ๊ะวันโน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Asia and Pacific บริษัท Paneda จำกัด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’ ติด Top 10 Brand Powerful Score

CP LAND จาก ‘แบรนด์ผู้ท้าชิง’ ก้าวสู่ ‘แบรนด์เจ้าตลาด’  ติด Top 10 Brand Powerful Score       บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND ...